เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ฯพณฯ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ พร้อมแสดงปาฐกถาสำคัญ โดยเน้นย้ำว่า ความปลอดภัยของประชาชนคือรากฐานสำคัญแห่งความมั่นคงของชาติ จีนควรจะปลูกฝังความคิดที่พร้อมรับมือกับเหตุที่ไม่คาดฝัน และเตรียมการสำหรับเรื่องเลวร้ายอยู่เสมอ โดยเตรียมตัวให้พร้อมรับความเสี่ยงด้านสาธารณสุขอยู่ตลอดเวลา การสร้างระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่ง สร้างกลไกเตือนภัยและตอบสนองที่รัดกุม ยกระดับความสามารถในการป้องกัน ควบคุม และรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง ขึงตาข่ายป้องกันอย่างแน่นหนา สร้างกำแพงแห่งการกักกันโรคที่แข็งแรงทนทานเท่านั้นที่จะช่วยให้เราปกปักรักษาสุข-ภาวะของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากรับฟังคำบรรยายของผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่มาร่วมการประชุมแล้ว สี จิ้นผิงก็ได้แสดงปาฐกถาสำคัญใจความว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนก็ได้วางแผนงานโดยพิจารณาภาพรวมอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายรับมืออย่างแน่วแน่ โดยมองว่าชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง พรรค ฯ กองทัพ และประชาชนทุกเหล่าชาติพันธุ์ในประเทศต่างร่วมแรงร่วมใจทุ่มเทกำลังเลือกใช้มาตรการป้องกันโรคที่เข้มงวดที่สุด ครอบคลุมที่สุด และเด็ดขาดที่สุดจนส่งผลให้สงครามที่คนทั้งชาติผนึกกำลังกันต่อสู้กับโรคระบาด ได้รับผลสำเร็จเชิงยุทธศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ ความสำเร็จเหล่านี้ ขับเน้นให้เห็นถึงข้อได้เปรียบทางการเมืองที่โดดเด่นของเหล่าผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน รวมไปถึงระบอบสังคมนิยมแห่งจีน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพโดยรวมแห่งรัฐที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะนับตั้งแต่ปฏิรูปเปิดประเทศเป็นต้นมา ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของพรรค ฯ กองทัพ และประชาชนทุกชาติพันธุ์ ในการช่วยเหลือเกื้อกูล ผนึกกำลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จนสามารถเอาชนะอุปสรรคใหญ่หลวง
สี จิ้นผิงระบุว่า ระบบการป้องกันและควบคุมโรคถือเป็นหลักประกันสำคัญที่จะช่วยคุ้มครองสุขภาพ ของประชาชน สร้างความมั่นคงด้านการสาธารณสุข และธำรงเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจและสังคม เราจักต้องดำเนินการป้องกันโรคให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกระดับการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความคล่องตัวให้แก่กลไกและมาตรการ การสร้างความชัดเจนให้แก่บทบาทหน้าที่ของกลไกและการยกระดับความสามารถเฉพาะทาง เราจักต้องสร้างกลไกด้านกิจการสาธารณสุขที่มีเสถียรภาพ ยกระดับสภาพแวดล้อมพื้นฐานด้านการป้องกันและควบคุมโรค รวมทั้งสร้างโครงการบริการด้านสาธารณสุขให้สมบูรณ์ นอกจากนี้ เรายังจะต้องพัฒนาการกำหนดบทบาทองค์กรด้านการป้องกันและควบคุมโรค สร้างกลไกการแบ่งหน้าที่และประสานงานที่เชื่อมต่อหน่วยงานทั้งระดับบนและระดับล่าง เร่งเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรด้านการป้องกันและควบคุมโรคในระดับชาติ โดยสร้างความเข้มแข็งเชิงเทคโนโลยี ความสามารถ และแหล่งบุคลากร เราจักสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กรควบคุมโรค และกลไกการทำงานสอดประสานระหว่างเมืองและชนบท ยกระดับความเข้มข้นในภาระหน้าที่ด้านการป้องกันโรคของศูนย์สาธารณสุขชนบท และศูนย์บริการสาธารณสุขประจำเขตชุมชน สร้างความแน่นหนาแก่รากฐานในการร่วมกันป้องกันและควบคุมโรค เราจักสร้างนวัตกรรมให้แก่กลไกการประสานงานระหว่างการรักษาและป้องกันโรค กำหนดกลไกให้การเชื่อมต่อถึงกันในด้านบุคลากร ข้อมูลข่าวสาร ทรัพยากร และการสอดส่องดูแล สามารถตรวจสอบกันเองได้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะเร่งสร้างกลุ่มบุคลากรด้านการควบคุมโรค สร้างกลไกในการอบรมและการใช้บุคลากรที่ปรับให้เข้ากับระบบการควบคุมโรคที่ทันสมัย รวมทั้งสร้างความมั่นคงในด้านความพร้อมของบุคลากรควบคุมโรคระดับรากฐาน สร้างกลุ่มสถาบันการศึกษาด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพสูง เพื่อผลิตบุคลากรที่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงรูปธรรมในด้านการป้องกันและควบคุมโรค เช่น ความสามารถในการระบุสาเหตุของโรค การวิจัย และวินิจฉัยสภาวะโรคระบาด การวิจัยรูปแบบการแพร่กระจายของโรค การสอบสวนทางระบาดวิทยาภาคสนาม และการทดลองในห้องปฏิบัติการ
สี จิ้นผิงเน้นย้ำว่า จีนจักให้ความสำคัญแก่ความสามารถในการตรวจสอบโรคในระยะแรก ในฐานะเรื่องเร่งด่วนที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบสาธารณสุข ทั้งยังจะสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบสอดส่องโรคระบาดและอุบัติการณ์เร่งด่วนด้านสาธารณสุข พัฒนากลไกการสอดส่องดูแลโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่ทราบสาเหตุและอุบัติการณ์ด้านสุขภาพที่ผิดปกติ ยกระดับความว่องไวและแม่นยำในการประเมินและสอดส่องดูแล สร้างกลไกเตือนภัยพร้อมกันหลายจุดแบบอัจฉริยะ เสริมศักยภาพให้แก่กลไกการสอดส่องและเตือนภัยแบบหลากหลายช่องทาง ยกระดับความสามารถในการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และการวิจัยและวินิจฉัยแบบรวมศูนย์ นอกจากนี้ เราจักต้องเร่งสร้างเครือข่ายการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ ยกระดับความสามารถในการตรวจโรคติดต่อ สร้างกลไกการสอดส่องร่วมกันระหว่างองค์กรด้านสาธารณสุขและองค์กรด้านการแพทย์ ส่งเสริมให้องค์กรระดับรากฐานได้แสดงบทบาทในฐานะผู้เตือนภัย โดยเน้นให้เกิดการตรวจพบผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว รายงานอย่างรวดเร็ว และจัดการโรคอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังจะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบการรับมือกับเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุข แบ่งระดับ แบ่งประเภท และแบ่งกลุ่มบุคลากรในการป้องกันและควบคุมโรค ที่ครอบคลุมการวินิจฉัยแนวโน้มโรคระบาด การสอบสวนทางระบาดวิทยา การรักษาพยาบาล การตรวจในห้องปฏิบัติการ การให้คำแนะนำแก่ชุมชน และการกระจายวัสดุอุปกรณ์ ฯลฯ เราจักต้องเพิ่มพูนความรู้และเสริมการฝึกทักษะให้แก่บุคลากรระดับฐานราก ยกระดับความสามารถในการรับมือตั้งแต่ในระยะแรก และต้องเผยแพร่ความรู้ด้านการรับมือกับเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขให้ลึกซึ้งขึ้น เพื่อยกระดับความรู้ความเข้าใจและความสามารถในการป้องกัน ช่วยเหลือตนเองและบุคคลอื่นให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ ฯ และรัฐบาลทุกระดับชั้น จักต้องสร้างกลไกการทำงานที่เน้นการวิจัยและสั่งการด้านสาธารณสุขและสุขภาพด้านการป้องกันและควบคุมโรคระบาดใหญ่แบบมีกำหนดเวลาแน่นอน โดยมุ่งเน้นให้เกิดการออกคำสั่งที่ชัดเจนเกิดระบบที่เป็นระเบียบ สามารถประสานงานระหว่างหน่วยงานได้อย่างคล่องตัว และสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สี จิ้นผิงระบุว่า การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด - 19 ในครั้งนี้ รัฐบาลจีนยึดมั่นในหลักการประชาชนต้องมาก่อน ชีวิตคนสำคัญเหนืออื่นใด โดยได้ระดมทรัพยากรจากทั่วประเทศเพื่อทำการรักษาผู้ป่วยอย่างขนานใหญ่ ไม่ให้เล็ดรอดผู้ติดเชื้อแม้แต่เพียงรายเดียว และไม่ทอดทิ้งผู้ป่วยแม้เพียงคนเดียว ไม่ว่าผู้ป่วยนั้นจะเป็นทารกแรกคลอด หรือคนชราอายุกว่าร้อยปีก็ตาม และเราก็ได้ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า ผู้ติดเชื้อจะได้รับการรักษาพยาบาลโดยทั่วถึงกัน ไม่ว่ายากดีมีจนอย่างไร เราจักต้องวางแผนอย่างรอบด้านเกี่ยวกับการรวบรวมกำลังคน การเชื่อมต่อกันในระดับภูมิภาค และการจัดสรรหน้าที่แก่บุคลากรของหน่วยงานทางการแพทย์และสาธารณสุขในสภาวะคับขัน ต้องสร้างกลไกการรักษาพยาบาลในสภาวะโรคระบาดใหญ่ที่มีการแบ่งระดับ แบ่งชั้นและแบ่งสายกันส่งต่อผู้ป่วยอย่างชัดเจนและครอบคลุม นอกจากนี้ เรายังจักต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การรักษาโรคติดต่อในโรงพยาบาลของรัฐ สร้างความสมบูรณ์แก่มาตรฐานของอุปกรณ์เครื่องมือในการป้องกันและรักษาโรคติดต่อในโรงพยาบาลใหญ่ พร้อมทั้งจัดหาบุคลากรให้มีจำนวนมากพอที่จะรับมือกับการรักษาพยาบาลในสภาวะคับขัน เราจักต้องให้ความสำคัญแก่แหล่งชุมชนในเมืองและในชนบท เมืองหน้าด่านตามชายแดน โรงพยาบาลแผนตะวันตก และแผนจีนระดับอำเภอเป็นหลัก เพื่อสร้างเครือข่ายให้บริการด้านการแพทย์สามระดับทั้งในเขตเมืองและชนบทให้มีความสมบูรณ์ เราจักต้องส่งเสริมการสร้างฐานที่มั่นในการรักษาพยาบาล เช่น ศูนย์การแพทย์ระดับชาติและศูนย์การรักษาพยาบาลระดับภูมิภาค เพื่อยกระดับความสามารถในการรักษาพยาบาลโรคติดต่อที่สำคัญ
สี จิ้นผิงกล่าวอีกว่า การบูรณาการระหว่างแพทย์แผนจีนและแผนตะวันตก รวมทั้งการใช้ยาจีนและยาแผนตะวันตกควบคู่กันในการรักษา ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญอย่างหนึ่งในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในครั้งนี้ ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นแบบอย่างอันเป็นรูปธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงการสืบสานศาสตร์แห่งแพทย์แผนจีน และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ไปพร้อมกับอนุรักษ์แบบแผนดั้งเดิมเราจักต้องเน้นหนักไปที่การจัดหมวดหมู่และการค้นหาแก่นสารแห่งตำรายาจีนโบราณ สร้างเวทีที่สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาให้เกิดขึ้นหลากหลายเวที รวมทั้งยังจะต้องปฏิรูปและสร้างความสมบูรณ์ให้แก่กลไกการอนุมัติยาจีน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาตัวยาจีนใหม่ ๆ ตลอดจนการพัฒนาของอุตสาหกรรมการผลิต เราจักต้องสร้างความเข้มแข็งให้แก่การพัฒนาระบบบริการแพทย์แผนจีน ยกระดับความสามารถในการรับมือกับภาวะคับขันและการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน ยิ่งไปกว่านั้น เรายังจักต้องยกระดับมาตรฐานในการสร้างบุคลากรทางการแพทย์แผนจีน เพื่อผลิตทีมป้องกันและรักษาโรคด้วยการแพทย์แผนจีนระดับชาติที่มีมาตรฐานสูง จักต้องส่งเสริมการบริหารกิจการด้านการแพทย์แผนจีนผลักดันให้แพทย์แผนจีนและแผนตะวันตกสามารถเติมเต็มแก่กันและกันและพัฒนารุดหน้าไปอย่างสมดุล
สี จิ้นผิงย้ำอีกว่า จีนจักต้องผลักดันการแก้ไขและร่างกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กฎหมายว่าด้วยการรับมืออุบัติการณ์ทางสาธารณสุขที่ไม่คาดฝัน สร้างความสมบูรณ์ให้แก่กลไกการบังคับใช้กฎหมายป้องกันและควบคุมโรคระบาดที่มีการระบุความรับผิดชอบไว้อย่างชัดเจน มีกระบวนการที่เป็นมาตรฐาน และสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความสมบูรณ์ให้แก่มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่และโรคติดต่อที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ผ่านวิถีทางแห่งกฎหมาย กำหนดหน้าที่ขององค์กรบริหารและองค์กรวิชาชีพ ทั้งของส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ระดับรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ให้ชัดเจน จักต้องสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนทั่วไป ถึงข้อกฎหมายด้านความมั่นคงทางสาธารณสุข และด้านการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ผลักดันให้สังคมในภาพรวมดำเนินกิจการต่าง ๆ โดยเคารพกฎหมาย
สี จิ้นผิงระบุว่า วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีถือเป็นอาวุธทรงอานุภาพที่มนุษย์จะใช้ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ในการที่มนุษยชาติจะเอาชนะภัยพิบัติและโรคระบาดครั้งใหญ่นั้น จำเป็นต้องอาศัยการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เราจักต้องสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในกิจการด้านสาธารณสุขและสุขภาพ ระดมกำลังวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นแกนกลางสำคัญ โดยใช้ข้อได้เปรียบเรื่องระบบรูปแบบใหม่ในการระดมสรรพกำลังทั้งหมดของประเทศเพื่อรับมือวิกฤติ นอกจากนี้ ยังจะต้องลงลึกปฏิรูประบบและมาตรการในอันที่จะพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา ยกระดับกลไกการเฟ้นหา พัฒนา และสร้างกำลังใจแก่นักวิทยาศาสตร์เชิงยุทธศาสตร์ และบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม ดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพให้เข้ามาร่วมทีมวิจัยและพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้บุคคลเหล่านี้สามารถแสดงศักยภาพให้เป็นที่ประจักษ์
สี จิ้นผิงเน้นย้ำว่า นับตั้งแต่โรคระบาดครั้งนี้อุบัติขึ้น รัฐบาลจีนก็ได้ยึดมั่นในหลักการประชาคมร่วมชะตาแห่งมวลมนุษยชาติมาโดยตลอด โดยได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนบนเวทีโลกอย่างกระตือรือร้นและได้ร่วมมืออย่างเป็นมิตรกับองค์การอนามัยโลกและประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ทั้งยังได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดและเชื้อไวรัส รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์ในการรับมือกับโรคระบาดแก่สังคมโลก นอกจากนี้ จีนยังได้สนับสนุนอุปกรณ์และความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีตามกำลังความสามารถของจีนให้แก่หนึ่งร้อยกว่าประเทศและองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจีนเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบ ทั้งนี้ จีนจักปฏิบัติหน้าที่ของตนในระดับนานาชาติต่อไป โดยแสดงบทบาทในฐานะประเทศผู้จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประชาคมร่วมชะตาแห่งมวลมนุษยชาติในด้านสุขภาพและสาธารณสุขร่วมกัน