เที่ยวไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า อยากไปเมื่อไหร่ก็ไป ใช่ที่คุณต้องการหรือไม่？

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 13 กันยายนว่าประเทศไทยจะใช้มาตรการ ‘วีซ่าฟรี’ (Visa-Free)  สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนโดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประมาณการว่านโยบายดังกล่าวจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 140,300  ล้านบาทโดยในช่วงระยะเวลาการยกเว้นวีซ่า นักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งหมายถึงว่านักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถเข้าประเทศไทยได้เพียงแค่ถือหนังสือเดินทางเท่านั้น ไม่ต้องขอวีซ่า

จากข้อมูลขนาดใหญ่ของ Qunar travel แสดงให้เห็นว่าหลังจากการเปิดตัวนโยบายดังกล่าว ปริมาณการค้นหาตั๋วเครื่องบินไปไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนปริมาณการค้นหาโรงแรมในไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1 เท่า ด้านแพลตฟอร์ม Ctrip ความนิยมในการค้นหาตั๋วเครื่องบินขาออกในช่วงวันหยุดวันชาติและเทศกาลไหว้พระจันทร์ฟื้นตัวเกือบ 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 และจุดหมายปลายทางการค้นหาหลักสําหรับตั๋วเครื่องบินขาออก ได้แก่ ไทย เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย สำหรับแพลตฟอร์ม Fliggy จํานวนการจองผลิตภัณฑ์การเดินทางขาออกเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อนึ่ง ระยะทางของการเดินทางขาออกค่อย ๆ ขยายวงออกจาก “เที่ยวบินภายใน 4 ชั่วโมง”ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของโลก ทั้งนี้ ไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และประเทศอื่น ๆ กลายเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมสําหรับการเดินทางขาออก

หลังจากออกนโยบายดังกล่าว สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนได้เป็นจํานวนมาก นายจางซึ่งพักอยู่ในนครคุนหมิง กล่าวว่า นครคุนหมิงอยู่ใกล้กับประเทศไทยมากประกอบกับปัจจุบันประเทศไทยได้ออกนโยบายที่ดีเช่นนี้ แน่นอนเขาจะต้องไปเที่ยวไทยและได้จึงจองทริปไปเชียงใหม่และเชียงรายของไทยล่วงหน้าแล้ว เขากล่าวเสริมว่า“ผมอยากจะไปเที่ยวไทยพร้อมกับครอบครัวนานแล้ว และปัจจุบันฝันของผมก็เป็นจริง รู้สึกตื่นเต้นมาก คราวนี้ผมจะไปที่เมืองโบราณเชียงใหม่และวัดร่องขุ่นด้วยครับ”

เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด 19 ก่อนหน้านี้ ทำให้ฮัสกี้ ชาวเจียงซู ไม่สามารถถ่ายภาพแต่งงานได้ปัจจุบันมีนโยบายยกเว้นวีซ่า ดังนั้นเธอจึงอยากไปประเทศไทยเพื่อถ่ายภาพแต่งงานไว้เป็นความทรงจำในช่วงชีวิต เธอกล่าวว่า “ประเทศไทยมีทิวทัศน์ที่สวยงามและฉันชอบกลิ่นไอแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาก ดังนั้น การเดินทางครั้งนี้ฉันจะไปภูเก็ตเพื่อถ่ายภาพแต่งงานสวย ๆค่ะ”

เสี่ยวอ้าย ผู้รักการถ่ายภาพ เธอมีความฝันอยากที่จะไปประเทศไทยเพื่อถ่ายภาพสวยๆ หลังจากตัดสินใจแผนการเดินทางแล้ว เธอก็เตรียมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ “ฉันได้ยินมาว่าเสื้อเชิ้ตและกางเกงลายของไทยมีหลากหลายสไตล์ และราคาไม่แพง ดังนั้น ฉันต้องไปตลาดนัดจตุจักรในกรุงเทพฯ เพื่อซื้อเสื้อเชิ้ตและกางเกงลายเยอะๆ แล้วแพ็คใส่ในกระเป๋าเอากลับมาจีนค่ะ”

ในที่สุด ช่วงวันหยุดวันชาติและเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่พวกเรารอคอยก็กําลังจะมาถึง วันนี้หลานเหมายพาร์จึงขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของไทยที่น่าสนใจมาฝากFC ค่ะ

พระบรมมหาราชวังกรุงเทพฯ

พระบรมมหาราชวังกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สําคัญที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของพระมหากษัตริย์ไทย ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมพระราชวังวัดวาอารามและอาคารสถาปัตยกรรมที่หรูหราเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศไทย

เมืองโบราณเชียงใหม่

เมืองโบราณเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ภาคเหนือของประเทศไทย มีชื่อเสียงในด้านวัดโบราณ สถาปัตยกรรมโบราณ และงานฝีมือแบบดั้งเดิม

พัทยา

พัทยาเป็นเมืองชายฝั่งในภาคตะวันออกของประเทศไทย เนื่องจากมีชายหาดที่สวยงาม กิจกรรมทางน้ำ และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่หลากหลาย จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว

เกาะพีพี

เกาะพีพีตั้งอยู่ห่างจากเกาะภูเก็ตไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ได้รับคัดเลือกให้เป็นอุทยานแห่งชาติในปี 2526 เนื่องจากมีทิวทัศน์ที่สวยงาม จึงได้รับสมญานามว่า “แชงกรี-ลาของไทย” และ “สวรรค์ของแบ็คแพ็คเกอร์”

วัดร่องขุ่น

วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงรายเป็นวัดทางพุทธศาสนาที่ไม่เหมือนที่อื่น ซึ่งอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง ได้สร้างวัดร่องขุ่นขึ้นบนพื้นที่วัดเก่าที่ทรุดโทรมโดยท่านได้ทำการออกแบบและสร้างวัดแบบสมัยใหม่ที่มีเอกลักษณ์สวยงาม