สุดเจ๋ง! โชว์เปลี่ยนหน้ากากในงานกีฬามหาวิทยาลัยโลกเฉิงตู

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนเริ่มพิธีมอบรางวัลการแข่งขันยิงปืนในงานกีฬามหาวิทยาลัยโลกเฉิงตู จู่ ๆ ก็มีเสียงเพลงดังขึ้นในสนามกีฬา พร้อมกับการปรากฏตัวของนักแสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากากโอเปร่าเสฉวนสองคนซึ่งสวมชุดพื้นเมืองกำลังเดินเข้ามาในสนาม แสดงลีลาต่าง ๆ ได้แก่ “เช็ดหน้า” “เป่าหน้า” และ “ดึงหน้า”อย่างชํานาญ สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับผู้คนทั้งสนาม

ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะนักแสดงทั้งสองคนยังได้เดินเข้าขึ้นไปบนอัฒจันทร์ เพื่อโชว์เปลี่ยนหน้ากากอย่างรวดเร็วและโต้ตอบกับผู้ชม ส่วนการแสดงที่เรียกเสียงเฮฮาจากผู้ชมได้มากที่สุดก็คือเปลี่ยนหน้าเป็นหมีแพนด้า

หลังจากที่ได้ชมโชว์เปลี่ยนหน้ากาก ทักเกอร์ นักกีฬาสาวชาวอเมริกัน ผู้ชนะเลิศเหรียญเงินจากการยิงปืนอัดลม 10 เมตรหญิงในงานกีฬามหาวิทยาลัยโลกเฉิงตูกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ฉันเฝ้าดูวิธีเปลี่ยนหน้ากากตั้งนาน แต่ก็ดูไม่ออกว่าใช้เทคนิคอะไร โชว์เปลี่ยนหน้ากากเป็นหนึ่งในการแสดงที่เจ๋งที่สุดที่ฉันเคยเห็น!”

การแสดงที่มีเอกลักษณ์ของมณฑลเสฉวนในครั้งนี้ กลายเป็นจุดเด่นของงานกีฬามหาวิทยาลัยโลกเฉิงตูและได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักกีฬาและผู้ชมในสนาม

หลี่ชาว นักแสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากาก กล่าวว่า “ตอนแรกฉันตื่นเต้นมาก แต่ตอนแสดงโต้ตอบกับผู้ชม มีชาวต่างชาติจํานวนมากมาจับมือและขอถ่ายรูป มันทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจมากในเวลานั้น”

จางกาง นักแสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากากอีกคน กล่าวว่า “ผมหวังว่าเพื่อน ๆ จากทั่วทุกมุมโลกจะรู้สึกถึงความกระตือรือร้นของเฉิงตูผ่านโชว์เปลี่ยนหน้ากาก ในฐานะผู้สืบทอดวัฒนธรรมดั้งเดิม พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมากครับ”

การแสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากากทําให้ผู้ชมประหลาดใจ และ “หรงเป่า”มาสคอตงานแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกเฉิงตูครั้งนี้ที่สามารถเปลี่ยนหน้าได้ ก็ยิ่งทําให้นักกีฬาชื่นชอบมากขึ้นไปอีก รามปลา นักกีฬาชาวเช็ก ผู้ครองแชมป์ปืนพกสั้นยิงปืน 25 เมตรชาย ขณะที่เขาเข้าร่วมงานแถลงข่าว เขาไม่ได้คล้องเหรียญทองที่คอ แต่กลับนำ “หรงเป่า” ที่เปลี่ยนหน้ากากมาวางไว้ตรงหน้าแทน เขากล่าวว่า“‘หรงเป่า’สวยงามเป็นพิเศษ ส่วนการออกแบบการเปลี่ยนใบหน้านั้นสนุกมากและเป็นเอกลักษณ์ของจีน นอกเหนือจากโชว์เปลี่ยนหน้ากากและแพนด้าแล้ว ผมยังชื่นชมงานฝีมือแบบดั้งเดิม เช่น การปักเสฉวน ผมได้ชมนิทรรศการในหมู่บ้านนักกีฬาฯและผมชอบวัฒนธรรมดั้งเดิมที่นี่มากครับ”

แหล่งที่มา:สำนักข่าวซินหัว

โกว เสี่ยวหรง/แปล

จารุวรรณ อุดมทรัพย์/พิสูจน์อักษร