รมว.ต่างประเทศจีน-เซอร์เบียพูดคุยทางโทรศัพท์

2022-04-11 14:58:50 |แหล่งที่มา: CMG

วันที่ 8 เมษายน นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และรมว.ต่างประเทศจีน พูดคุยทางโทรศัพท์กับ นายนิโกลา เซลาโควิช รมว.ต่างประเทศเซอร์เบีย

นายเซลาโควิชได้ถ่ายทอดคำทักทายและคำอวยพรของนายอาเล็กซันดาร์ วูชิช ประธานาธิบดีเซอร์เบีย ที่มีต่อประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน ขอบคุณปธน.สี จิ้นผิงที่ได้ส่งสารแสดงความยินดียังปธน.เซลาโควิช ที่เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งและอวยพรให้การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ประสบผลสำเร็จ

เซอร์เบียมีความภูมิใจต่อไมตรีจิตดั้งเดิมอันลึกซึ้งและความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างเซอร์เบีย-จีน ขอบคุณฝ่ายจีนที่สนับสนุนเซอร์เบียในการปกป้องผลประโยชน์แกนนำของตนเอง ฝ่ายเซอร์เบียก็สนับสนุนฝ่ายจีนในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดน คัดค้านการปฏิบัติที่หมายจะแบ่งแยกจีน

นายเซลาโควิช กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างเซอร์เบีย-จีนได้ขจัดผลกระทบจากความปั่นป่วนของสถานการณ์ระหว่างประเทศและก้าวหน้าอย่างมั่นคง สองประเทศร่วมกันสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่มีคุณภาพ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าได้รับผลที่ไม่เคยมีมาก่อน วิสาหกิจจีนเข้าร่วมการสร้างสรรค์ประเทศของเซอร์เบียอย่างแข็งขัน เพื่อแสดงบทบาทที่ขาดไม่ได้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเซอร์เบีย เซอร์เบียยินดีที่จะกระชับมิตรภาพแน่นแฟ้นกับจีนเพื่อร่วมกันรับมือความท้าทาย

นายหวัง อี้ ได้ถ่ายทอดคำทักทายและความปรารถนาดีของปธน.สี จิ้นผิงที่มีต่อปธน.วูชิช โดยระบุว่า ปธน.สี จิ้นผิงได้ส่งสารแสดงความยินดีต่อปธน.เซลาโควิชที่ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ถึงความเชื่อถือกันในระดับสูงและไมตรีจิตอันลึกซึ้งระหว่างผู้นำสองประเทศ จีนในฐานะที่เป็นเพื่อนซี้และหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านที่น่าเชื่อถือของเซอร์เบีย จะสนับสนุนเซอร์เบียในการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพเหนือดินแดน และศักดิ์ศรีของชนชาติเซอร์เบีย สนับสนุนเซอร์เบียปฏิบัติตามนโยบานการต่างประเทศที่เป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง

สนับสนุนเซอร์เบียในการตัดสินใจตามผลประโยชน์พื้นฐานของประเทศและชนชาติ คัดค้านอิทธิพลภายนอก ให้แรงกดดันทางการเมืองต่อประเทศอธิปไตยและคัดค้านการบีบบังคับให้ประเทศอื่นเลือกข้าง จีนยินดีที่จะให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันแก่เซอร์เบียต่อไปในระดับสากลและพหุภาคี ตลอดจนคัดค้านความมุ่งหมายที่ทำให้กิจการด้านสิทธิมนุษยชนเป็นประเด็นทางการเมืองและใช้เป็นเครื่องมือ