งานแถลง “10 สุดยอดข่าวเด่นความร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศหลานเหมยและอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ปี 64”
เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา สำนักงานเลขาธิการความร่วมมือลุ่มแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ร่วมกับสำนักพิมพ์ต่างประเทศของจีน เช่น นิตยสาร "China ASEAN Report" สำนักพิมพ์นิตยสารแม่น้ำโขง ในเครือหนังสือพิมพ์ยูนนานเดลี่กรุ๊ป และหน่วยงานอื่น ๆ ได้ร่วมกันคัดเลือก “10 สุดยอดข่าวเด่นด้านความร่วมมือระหว่างจีนกับลุ่มแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง และความร่วมมือระหว่างอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงประจำปี 2564” ซึ่งได้จัดงานประกาศผลขึ้นที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน
ทั้งนี้ 10 สุดยอดข่าวเด่นที่ได้รับการคัดเลือก ได้แก่ “ผู้นำแห่งรัฐกับทิศทางด้านการทูต เพื่อเปิดบทใหม่ในการสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันกับประเทศโดยรอบ” “6 ประเทศผู้บริหารระดับสูง ติดต่อกันอย่างใกล้ชิด สร้างความไว้วางใจกันการเมืองระหว่างกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” “6 ประเทศลุ่มแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขงจับมือร่วมต้านโควิด ความร่วมมือด้านสุขอนามัยก้าวไกลยิ่งขึ้น” “รถไฟจีน-ลาว เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ สร้างความเชื่อมโยงถึงกันในเชิงลึก” “การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าเพิ่มขึ้นตามเป้า ความร่วมมือด้านกำลังการผลิตได้รับการปรับปรุงและยกระดับ” “ความร่วมมือระดับท้องถิ่นเริ่มขึ้น การพัฒนากลไกช่วยเพิ่มแรงผลักดัน” “ความร่วมมือทางการเกษตรได้ผลดี การค้าสินค้าเกษตรสร้างสถิติใหม่” “ความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำเผชิญหน้ากับความท้าทาย การปกป้องสิ่งแวดล้อมได้บรรลุผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง” “ความร่วมมือในด้านการดำรงชีพของประชาชนเป็นประโยชน์ต่อหลายพันครัวเรือน คุ้มครองความสุขของประชาชนอย่างมั่นคง” “การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเต็มไปด้วยความโดดเด่น รากฐานของความผูกพันระหว่างประชาชนได้รับการหลอมรวมเข้าด้วยกัน”
ทั้งนี้ จีนและห้าประเทศลุ่มแม่น้ำโขงเชื่อมต่อกันด้วยแม่น้ำและภูเขา ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตลอดจนเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมและเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรโดยธรรมชาติ ในปี พ.ศ. 2564 ภายใต้ภูมิหลังที่ซับซ้อนของศตวรรษแห่งโรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงแห่งศตวรรษ จีนและประเทศลุ่มแม่น้ำโขงต่างทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดและแสวงหาการพัฒนาร่วมกัน มีส่วนร่วมในเชิงบวกเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ รวมถึงความเจริญรุ่งเรืองและการฟื้นฟูด้านต่าง ๆ ในภูมิภาค
หาน เฉิงหยวน , จาง รั่วกู่/ข่าว เฉิน ช่วงเย่ , จึ เจ้นเฟย , ฮวง ซิงเหนิง/ภาพ สำนักข่าวยูนนานเดลี่
หู ลี่เซียน/แปล
จารุวรรณ อุดมทรัพย์/พิสูจน์อักษร