หลังถูกกักขังตามอำเภอใจเป็นเวลา 1028 วัน นางเมิ่ง หว่านโจวเดินทางกลับถึงมาตุภูมิด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำของรัฐบาลจีนเมื่อวันที่ 25 กันยายนตามเวลาปักกิ่ง
เมื่อสามปีที่แล้วสหรัฐอเมริกาเปิดสงครามการค้าอย่างโจ่งแจ้ง คว่ำบาตรบริษัทหวาเหวยและบริษัทเทคโนโลยีจีนอื่น ๆ ใช้อำนาจมืดไปยังนางเมิ่ง หว่านโจว สามปีต่อมานางเมิ่ง หว่านโจวกลับจีนอย่างปลอดภัย ในวันที่ 25 กันยายนสหพันธ์อุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีนเปิดเผยรายชื่อบริษัทเอกชน 500 อันดับแรกของประเทศในปี 2021 โดยบริษัทหวาเหวยได้รับการจัดอยู่ในอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 6 เกือบในเวลาเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้บริษัทหวาเหวยอยู่ในบัญชีดำได้เผยแพร่ข่าวว่า กำลังพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับจีนและสนใจที่จะนำคณะผู้แทนมายังจีนเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ
ในการต่อสู้อันยากลำบากที่กินเวลานานถึงสามปี จีนยืนหยัดอยู่ในความถูกต้องของประวัติศาสตร์มาโดยตลอด จีนยังคงเป็นจีนดังเดิมแต่สหรัฐฯ ได้พิสูจน์แล้วผ่านการกระทำว่าการยับยั้งจีนไม่ได้ผล
จากการวิเคราะห์ของศาสตราจารย์หวัง หย่งจากสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง พบว่า การปล่อยตัวนางเมิ่ง หว่านโจวและการกลับสู่จีนเป็นผลจากความแข็งแกร่งทางการทูตของจีน ไม่กี่วันก่อนการปล่อยตัวนางเมิ่ง หว่านโจวตัวแทนจีนยังเรียกร้องให้แคนาดาแก้ไขข้อผิดพลาดทันทีและยกเลิกการกักขังนางเมิ่ง หว่านโจวตามอำเภอใจ ในที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 48 ช่วงต้นปี 2018 หลังจากที่นางเมิ่ง หว่านโจวถูกกักขังตามอำเภอใจได้ไม่นาน กระทรวงการต่างประเทศจีนได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศจีนอย่างเร่งด่วนสองครั้งแล้วฝ่ายจีนกล่าวคำเดียวกันว่า “เลวร้ายอย่างยิ่ง” ก่อนกลับจากแวนคูเวอร์ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของสถานทูตจีนในแคนาดาไปที่สนามบินเพื่อส่งนางเมิ่ง หว่านโจวและเอกอัครราชทูตจีนประจำแคนาดากลับไปพร้อมกันด้วย
การกลับประเทศของนางเมิ่ง หว่านโจวไม่ได้เป็นเพียงผลจากความพยายามของนักการทูตจีนเท่านั้น หากยังเป็นเพราะจีนและประชาชนจีนผู้อยู่เบื้องหลังพวกเขาด้วย เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นางเวนดี้ เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเยือนจีน โดยจีนได้ออกรายชื่อ 2 รายการ และปล่อยนางเมิ่ง หว่านโจว ซึ่งกลายเป็นหนึ่งใน 26 ประเด็นที่จีนระบุให้สหรัฐฯ ต้องแก้ไข นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแลกเปลี่ยนระหว่างจีน-สหรัฐฯ เบื้องหลังคือผลจากการพัฒนาความแข็งแกร่งและความสามารถในการรวบรวมของจีนอย่างต่อเนื่อง สรุปว่าการพึ่งพาสิ่งที่เรียกว่า "ความเข้มแข็งปราบปรามคว่ำบาตรจีน” ในปัจจุบันไม่ได้ผล และสหรัฐฯ เพียงกลับสู่เส้นทางที่สมเหตุสมผลเท่านั้น
อันที่จริงคดีของนางเมิ่ง หว่านโจวเป็นคดีทางการเมืองไม่ใช่คดีศาลยุติธรรม ในขณะที่ยังมีการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ตรรกะเบื้องหลังการกระทำของรัฐบาลสหรัฐฯ นั้นชัดเจนขึ้น โดยในเดือนพฤษภาคม ปี 2019 รัฐบาลทรัมป์ได้จัดบริษัทหวาเหวยไว้ในบัญชีดำและจำกัดบริษัทสหรัฐฯ ไม่ให้ค้าขายกับหวาเหวยนับตั้งแต่นั้นมา เดือนพฤษภาคมและสิงหาคม ปี 2020 และเมษายน ปี 2021 สหรัฐอเมริกาเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรหวาเหวยต่อเนื่องกันสามครั้ง แสดงถึงความคิดที่จะปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีจีน อย่างไรก็ตาม กลับไม่ได้เป็นสงความตามปรารถนา ในปี 2020 รายได้รวมของหวาเหวยเพิ่มขึ้น 11.2% และมีผลกำไรเพิ่มขึ้น 10.4% สหรัฐฯ ไม่ประสบความสำเร็จในการปราบปรามบริษัทจีนด้วยวิธีการคว่ำบาตร
สหรัฐอเมริกาอยากเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์มาโดยตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้เปลือยกายแสดงออกโดยไม่ปลอมตัว แต่ตอนนี้ปลอมเป็นชั้น ๆ แต่แกนนำ คือ เป็นผู้ทำลายกฎมาโดยตลอด ผู้ตัดสินระเบียบระหว่างประเทศไม่ควรเป็นสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ต้นจนจบ โลกต้องยุติธรรมไม่เอาแต่ครองความเป็นเจ้า เมื่อนางหมิง หว่านโจวกลับสู่จีน สื่อของสหรัฐฯ ก็เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกในพาดหัวรายงานข่าว ซึ่งอาจขจัดความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ
เมื่อมองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์นางหมิง หว่านโจว ก็อาจเข้าใจได้ดีขึ้นว่าอะไรคือแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าสหรัฐฯ จะเปลี่ยนแปลงไปได้กี่ด้าน ความเชื่อของจีนในการดำเนินตามวิถีทางของตนเองก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่กระบวนการทางประวัติศาสตร์ของการฟื้นฟูประชาชาติจีนครั้งยิ่งใหญ่จะไม่สามารถย้อนกลับได้