"สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สีแดง" ของจีน คือ สถานที่ที่เคยสร้างคุณูปการสำคัญต่อการปฏิวัติและก่อตั้งประเทศจีนใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2021 นี้ ท้องที่ต่างๆของจีนได้เกิดกระแสนิยม "การท่องเที่ยวสีแดง" เพื่อเข้าเยี่ยมชมและเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สีแดงเหล่านี้
นายสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีนในฐานะเลขาธิการใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ให้ความสำคัญต่อ "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สีแดง" ซึ่งมีบทบาทส่งเสริม "การท่องเที่ยวสีแดง" ในจีน
ปธน.สี จิ้นผิงเคยเขียนบทความระบุว่า “ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเดินทางไปตรวจงานและศึกษาค้นคว้าในพื้นที่ที่เคยมีบทบาทสำคัญต่อการปฏิวัติจีนในอดีต ข้าพเจ้ามักจะไปแสดงความเคารพต่ออนุสรณ์สถานรำลึกประวัติศาสตร์แห่งการปฏิวัติ ทั้งนี้ก็เพื่อเตือนสหายทุกคนในพรรคอย่าได้ลืมว่า “อำนาจการปกครองสีแดง” มาได้อย่างไร ประเทศจีนใหม่มาได้อย่างไร ชีวิตความเป็นอยู่ที่สงบสุขในปัจจุบันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตลอดจนเพื่อประกาศว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะชูธงสีแดงไว้สูงอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เดินบนหนทางสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์ของจีนอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และขับเคลื่อนภารกิจที่บุกเบิกพัฒนาโดยบรรดาสหายรุ่นอาวุโสให้พัฒนาก้าวหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง"
นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการใหญ่ของคณะกรรมการกลางชุดใหม่ในที่ประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 นายสี จิ้นผิงในฐานะผู้นำสูงสุดรุ่นที่ 5 ของประเทศจีนใหม่ได้เดินทางลงพื้นที่โดยทิ้ง "รอยเท้าสีแดง" ไว้ทั่วแผ่นดินจีน เช่น ภูเขาเซียงซานในกรุงปักกิ่ง
เมื่อ 71 ปีที่แล้ว ประธานเหมา เจ๋อตง นำคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าประจำการในภูเขาเซียงซาน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมืองทางทิศตะวันตกของปักกิ่ง ส่งผลให้เซียงซานซึ่งเป็นวนอุทยานเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 900 ปี ได้ทิ้งร่องรอยที่มีสีสันอันเข้มข้นในประวัติศาสตร์การก่อตั้งประเทศจีนใหม่
เมื่อวันที่ 12 กันยายน ปี 2019 ก่อนถึงวันครบรอบ 70 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์และประธานาธิบดีจีนได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมอนุสรณ์สถานการปฏิวัติเซียงซานโดยเฉพาะ สี จิ้นผิงไปยังที่พัก “ซวงชิงวิลล่า” เป็นลำดับแรก เพื่อเยี่ยมชมที่ทำงานและอยู่อาศัยของสหายเหมา เจ๋อตงในปีนั้นด้วยความเคารพนับถือ “ซวงชิงวิลล่า” ที่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ยังคงรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมไว้ รายล้อมไปด้วยต้นไม้อันเขียวขจีและให้ความร่มเย็น บรรยากาศเงียบสงบเป็นพิเศษ ภายในวิลล่าได้คงสภาพเฟอร์นิเจอร์ในห้องทำงาน ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องรับประทานอาหาร ตลอดจนสิ่งของเครื่องใช้ เช่น หนังสือบนเตียง และ “แผนที่ปัจจุบันของพื้นที่ปลดแอกแห่งประเทศจีน” "แผนที่ใหญ่เป่ยผิง(ชื่อเดิมของปักกิ่ง)ล่าสุด" ที่ติดไว้บนผนัง ล้วนถูกจัดวางไว้ตามเดิม สี จิ้นผิงได้เยี่ยมชมและสอบถามถึงรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ด้วยความสนใจ พร้อมแสดงความพึงพอใจต่อการทำนุบำรุงวิลล่าและรักษาสิ่งของไว้อย่างดี
จากนั้น สี จิ้นผิงเดินไปที่ “อาคารไหลชิงเซวียน” ซึ่งอยู่ไม่ไกล เยี่ยมชมที่ทำงานและอยู่อาศัยของสหายจู เต๋อ, หลิว เซ่าฉี, โจว เอินไหล และเหริน ปี้สือ ระลึกถึงสภาพการทำงานและดำรงชีวิตที่เซียงซานในเวลานั้นของนักปฏิวัติรุ่นอาวุโสร่วมกับผู้ติดตามทั้งหลาย
ออกจากอาคารไหลชิงเซวียน สีจิ้นผิงไปที่หอรำลึกการปฏิวัติเซียงซาน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาเซียงซาน เพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการ "การวางรากฐานแก่ประเทศจีนใหม่ :คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนอยู่ที่เซียงซานในปักกิ่ง" หอรำลึกที่สร้างขึ้นใหม่นี้ดูเคร่งขรึมและโอ่อ่า "เพิงหลบฝน 4 คาน 8 เสา" แฝงความหมายว่า คณะกรรมการกลางพรรคสร้างโครงหลักแก่ประเทศจีนใหม่ในเมืองเซียงซาน ส่วน 28 เสาตามระเบียงอาคารเป็นสัญลักษณ์ของกระบวนการต่อสู้ 28 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคจนถึงก่อตั้งประเทศจีนใหม่ เสาธงชาติสูง 19.49 เมตรที่ลานจัตุรัสใต้ มีความหมายว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้นเมื่อปี 1949
ทั้งนี้ เนื้อหานิทรรศการประกอบด้วย 5 ส่วน คือ "ไปปักกิ่ง 'รับการทดสอบ' " "เข้าประจำการในเซียงซาน" "บัญชาการปลดปล่อยทั่วประเทศจีนต่อไป" "การเตรียมความพร้อมเพื่อก่อตั้งจีนใหม่" และ "ไม่ลืมปณิธานแรกเริ่ม จดจำหน้าที่และสู้ต่อไป" นิทรรศการครั้งนี้ใช้รูปภาพ ภาพถ่ายหนังสือพิมพ์ แผนที่ และตารางกว่า 800 รายการ รวมทั้งวัตถุสิ่งของ ผลงานสิ่งพิมพ์และเอกสารกว่า 1,200 รายการ โดยเรียงลำดับตามบริบททางประวัติศาสตร์ นำเสนอแบบพาโนรามาและมีชีวิตชีวาถึงกระบวนการอันรุ่งโรจน์ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงที่ประจำการในเซียงซาน ได้แก่ การนำพาประชาชนเผ่าชนต่างๆทั่วประเทศ บรรลุภารกิจทางประวัติศาสตร์ในการช่วงชิงความเป็นเอกราชแห่งชาติและการปลดปล่อยประชาชน ตลอดจนการเปิดศักราชใหม่แห่งการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ของจีน
สี จิ้นผิงเข้าชมหอรำลึกและรับฟังคำบรรยายแต่ละส่วนอย่างตั้งใจ หยุดชมและพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้ติดตามเป็นระยะ โดยทบทวนรายละเอียดทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าประจำการในกรุงปักกิ่งในปีนั้น และขณะเยี่ยมชมภาพแผนผังเกี่ยวกับกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเข้าประจำการเซียงซานในปักกิ่ง ตู้จัดแสดงบทความของประธานเหมา เจ๋อตง เรื่อง "วิเคราะห์การปกครองแบบเผด็จการประชาธิปไตยแห่งประชาชน" และการประชุมปรึกษาหารือทางการเมืองแห่งประชาชนจีน ตลอดจนการจัดแสดงพิเศษอื่นๆนั้น สี จิ้นผิงตั้งใจฟังคำบรรยายและกล่าวแสดงความรู้สึกประทับใจหลายประการต่อประวัติศาสตร์การเตรียมความพร้อมเพื่อก่อตั้งจีนใหม่ของคณะกรรมการกลางพรรคในเวลานั้น
ในตอนท้ายของการเยี่ยมชม สี จิ้นผิงได้กล่าวคำปราศรัยสำคัญที่ห้องโถงของหอรำลึกว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1949 คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและสหายเหมา เจ๋อตง ได้เดินทางออกจากฐานที่ตั้งซีไป่โพสู่เมืองเป่ยผิง และเข้าประจำการอยู่ที่เซียงซานในปักกิ่งเมื่อวันที่ 25 และกลายเป็นที่ตั้งของคณะกรรมการกลางพรรค สหายเหมา เจ๋อตง และ จูเต๋อ ได้ออกคำสั่งให้เดินทัพสู่ทั่วประเทศจากที่นี่ โดยได้ประกาศก้องอย่างยิ่งใหญ่ว่า "สู้รบข้ามแม่น้ำแยงซีเพื่อปลดปล่อยทั่วประเทศจีน" กองทัพปลดแอกประชาชนจีนเริ่มการเดินทัพอย่างขนานใหญ่และคว้าชัยชนะในทั่วประเทศ นำไปสู่การสิ้นสุดอำนาจปกครองของพรรคก๊กมิ่นตั๋งอย่างสิ้นเชิง
ณ ที่นี้ สหายเหมา เจ๋อตง ได้เผยแพร่บทความเรื่อง "วิเคราะห์การปกครองแบบเผด็จการประชาธิปไตยแห่งประชาชน" โดยวางรากฐานทางทฤษฎีและนโยบายสำหรับการก่อตั้งประเทศจีนใหม่ ณ ที่นี้ คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนพร้อมด้วยพรรคและฝ่ายประชาธิปไตยและบุคคลแวดวงต่างๆ ได้ร่วมกันเตรียมการประชุมปรึกษาหารือทางการเมืองแห่งประชาชนจีน ได้กำหนดและผ่าน "หลักนโยบายร่วมของการประชุมปรึกษาหารือทางการเมืองแห่งประชาชนจีน" ซึ่งมีบทบาทของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ได้กำหนดระบบรัฐและระบบการเมืองของจีนใหม่ ทั้งยังได้กำหนดนโยบายพื้นฐานประการต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นการวาดพิมพ์เขียวอันยิ่งใหญ่สำหรับการสถาปนาและสร้างสรรค์จีนใหม่
สี จิ้นผิงชี้ว่าแม้คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะอยู่ที่เซียงซานในปักกิ่งเพียงครึ่งปีเท่านั้น แต่ที่นี่คือกองบัญชาการใหญ่ของพรรคเราในการนำสงครามปลดปล่อยสู่ชัยชนะทั่วประเทศ และนำการปฏิวัติประชาธิปไตยใหม่สู่ชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงว่า ศูนย์กลางของการปฏิวัติจีนได้เปลี่ยนจากชนบทสู่เมือง จึงมีบทบาทอันสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีนและประวัติศาสตร์สาธารณรัฐประชาชนจีน
จากข้อมูลแนะนำ ตั้งแต่ทศวรรษ 1990 แห่งศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ในฐานะฐานสาธิตการศึกษาด้านความรักชาติ แต่ละปีเซียงซานในปักกิ่งได้ต้อนรับองค์กร สถาบัน กลุ่มนักศึกษา และนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเยี่ยมชมและศึกษา จึงได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมด้าน “การศึกษาสีแดง”
ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเห็นว่า ประวัติศาสตร์การปฏิวัติของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเซียงซานนั้น แฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ชั่วนิรันดร์ของนักปฏิวัติและชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีนรุ่นอาวุโส ซึ่งเป็นสิ่งที่ "คงคุณค่ายิ่งในวันนี้"