สี จิ้นผิงเยือน“สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สีแดง”ของจีน --“เมืองเหยียนอัน–ตำบลเจ้าจิน”

2021-06-17 18:35:45 |แหล่งที่มา: CRI

"สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สีแดง" ของจีน คือ สถานที่ที่เคยสร้างคุณูปการสำคัญต่อการปฏิวัติและก่อตั้งประเทศจีนใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2021 นี้ ท้องที่ต่างๆของจีนได้เกิดกระแสนิยม "การท่องเที่ยวสีแดง" เพื่อเข้าเยี่ยมชมและเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สีแดงเหล่านี้

นายสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีนในฐานะเลขาธิการใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ให้ความสำคัญต่อ "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สีแดง" ซึ่งมีบทบาทส่งเสริม "การท่องเที่ยวสีแดง" ในจีน

ปธน.สี จิ้นผิงเคยเขียนบทความระบุว่า “ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเดินทางไปตรวจงานและศึกษาค้นคว้าในพื้นที่ที่เคยมีบทบาทสำคัญต่อการปฏิวัติจีนในอดีต ข้าพเจ้ามักจะไปแสดงความเคารพต่ออนุสรณ์สถานรำลึกประวัติศาสตร์แห่งการปฏิวัติ ทั้งนี้ก็เพื่อเตือนสหายทุกคนในพรรคอย่าได้ลืมว่า “อำนาจการปกครองสีแดง” มาได้อย่างไร ประเทศจีนใหม่มาได้อย่างไร ชีวิตความเป็นอยู่ที่สงบสุขในปัจจุบันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตลอดจนเพื่อประกาศว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะชูธงสีแดงไว้สูงอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เดินบนหนทางสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์ของจีนอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และขับเคลื่อนภารกิจที่บุกเบิกพัฒนาโดยบรรดาสหายรุ่นอาวุโสให้พัฒนาก้าวหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง "

นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการใหญ่ของคณะกรรมการกลางชุดใหม่ในที่ประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 นายสี จิ้นผิงในฐานะผู้นำสูงสุดรุ่นที่ 5 ของประเทศจีนใหม่ได้เดินทางลงพื้นที่โดยทิ้ง "รอยเท้าสีแดง" ไว้ทั่วแผ่นดินจีน เช่น เมืองเหยียนอัน และตำบลเจ้าจิน

เหยียนอันได้รับการขนานนามว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการปฏิวัติจีน “ยุคเหยียนอัน” เป็นช่วงเวลาที่การปฏิวัติจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ก้าวจากจุดต่ำสู่จุดสูง กระทั่งบรรลุการพลิกผันครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อ 76 ปีก่อนในบริเวณพื้นที่ “หยางเจียหลิง” เมืองเหยียนอัน ท่ามกลางเสียงร้องเพลง "สามัคคีนานาชาติ" อันกึกก้องทรงพลัง ผู้แทนอย่างเป็นทางการ 547 คน และผู้แทนสำรอง 208 คนจากสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศจำนวน 1.21 ล้านคน ได้รวมตัวกันเพื่อเปิดการประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคทั่วประเทศครั้งที่ 7 อย่าเอิกเกริก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดการประชุมในบ้านที่สร้างขึ้นเอง การประชุมที่กินเวลา 50 วันครั้งนี้ได้กำหนดให้ยึดแนวคิดเหมา เจ๋อตง เป็นเข็มทิศชี้นำการทำงานทั้งหมดอย่างชัดเจน ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้บรรลุความสามัคคีและเอกภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนทางด้านการเมือง แนวคิด และการจัดตั้ง นำไปสู่การวางรากฐานเพื่อคว้าชัยชนะในสงครามต่อต้านญี่ปุ่นและสงครามปลดปล่อยประเทศ

บริเวณพื้นที่ห่างจากเมืองเหยียนอันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของการปฏิวัติหยางเจียหลิง มีหอประชุมกลางตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม เมื่อเช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2015 นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เดินทางมาเยี่ยมเยียน เขาพูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจว่า ข้าพเจ้าเคยมาที่นี่หลายครั้ง เมื่อครั้งทำงานในชนบทสมัยวัยรุ่น ทุกครั้งมาที่เหยียนอันก็ต้องมาเยี่ยมชมที่นี่ และทุกครั้งล้วนทำให้ข้าพเจ้าได้รับการชำระล้างด้านจิตใจ

นายสี จิ้นผิงกล่าวว่า การประชุมผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 7 ได้กำหนดหลักนโยบายและกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ได้สรุปท่วงทำนองอันยอดเยี่ยมที่ก่อรูปขึ้นระหว่างการต่อสู้ที่กินเวลายาวนานของพรรค ตลอดจนได้กำหนดให้แนวคิดเหมา เจ๋อตงมีฐานะเป็นแนวคิดชี้นำของทั่วทั้งพรรค การปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ว่าด้วยการสร้างสังคมมีกินมีใช้ การลงลึกปฏิรูป การบริหารประเทศตามกฏหมาย และการกวดขันการบริหารจัดการพรรคอย่างรอบด้านนั้น ต้องการให้สหายทั่วทั้งพรรคมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทุ่มเทสร้างผลงานอย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ขับเคลื่อนการสร้างนวัตกรรมด้านทฤษฎีและการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อเขียนบทใหม่แห่งการรังสรรค์ลัทธิมาร์กซ์แบบจีนและสอดคล้องกับยุคสมัยต่อไป

เท่าที่ทราบ ในเมืองเหยียนอันมีสถานที่ปฏิวัติในอดีต 445 แห่ง มีพิพิธภัณฑ์ธีมการปฏิวัติ 30 แห่ง เป็นเมืองที่มีสถานที่ปฏิวัติเก่ามากที่สุด ครอบคลุมระยะเวลายาวนานที่สุดและมีเนื้อหามากที่สุดภายในทั่วประเทศ ในช่วง "แผน 5 ปีฉบับที่ 13" ของจีน เหยียนอันได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 250 ล้านคนครั้ง

ในช่วงบ่ายของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ปี 2015 ที่เมืองเหยียนอัน นายสี จิ้นผิงเป็นประธานการประชุมสัมมนาว่าด้วยการบรรเทาความยากจนและการสร้างความมั่งคั่งในเขตปฏิวัติเก่าส่านกานหนิง เขากล่าวว่า "การที่เราจะบรรลุเป้าหมายแห่งการฟันฝ่าต่อสู้ร้อยปีประการแรก ซึ่งก็คือการสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้านนั้น หากไม่มีการมีกินมีใช้อย่างรอบด้านในเขตปฏิวัติเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคนยากจนในเขตปฏิวัติเก่าไม่สามารถขจัดความยากจนและร่ำรวยขึ้นมาได้ ก็จะไม่มีความสมบูรณ์แบบ นี่ก็คือความหมายของคำที่ข้าพเจ้าพูดบ่อยๆว่า ชีวิตมีกินมีใช้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับชาวบ้านเป็นสำคัญ”

ในช่วงต้นทศวรรษ 1930 ฐานปฏิวัติส่านกานเปียน(บริเวณชายแดนมณฑลส่านซี-กานซู่) ซึ่งมีตำบลจ้าวจินเป็นศูนย์กลาง ได้เขียนหน้าประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของการปฏิวัติจีน ในเวลานั้น ภายใต้สภาวะที่ยากลำบากยิ่ง นักปฏิวัติจีนรุ่นอาวุโส เช่น หลิว จื้อตัน เซี่ย จื่อฉาง และสี จ้งซิน(บิดาของสี จิ้นผิง) ได้ดำเนินกิจกรรมการปฏิวัติอย่างกล้าหาญที่นี่ และได้ก่อตั้งฐานปฏิวัติส่านกานเปียน ซึ่งเป็นฐานปฏิวัติบนภูเขาแห่งแรกในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ โดยมีตำบลจ้าวจินเป็นศูนย์กลาง ต่อมาบริเวณพื้นที่เซียเจียไจ้ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหารของฐานปฏิวัติ ทั้งยังเป็นฐานแนวหลังของกองทัพแดงและกองกำลังจรยุทธ์

ในช่วงบ่ายของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2015 นายสี จิ้นผิงได้เดินทางไปเยี่ยมชมตำบลจ้าวจิน เขตเย่าโจว เมืองถงชวน มณฑลส่านซี เขามอบกระเช้าดอกไม้ให้กับอนุสาวรีย์วีรชนแห่งฐานปฏิวัติส่านกานเปียน เยี่ยมชมหอรำลึกจ้าวจินแห่งฐานปฏิวัติส่านกานเปียน ตลอดจนตรวจเยี่ยมสถานที่ปฏิวัติเซียเจียไจ้เก่า ซึ่งสร้างขึ้นบนหน้าผาโดยใช้ถ้ำธรรมชาติอันเป็นฝีมือของกองทัพที่ 26 แห่งกองทัพแดงและกองกำลังจรยุทธ์ในเขตส่านกานเปียน

นายสี จิ้นผิงกล่าวชี้ว่า ฐานปฏิวัติส่านกานเปียนที่มีจ้าวจินเป็นศูนย์กลาง ได้เขียนหน้าประวัติศาสตร์การปฏิวัติจีนอันรุ่งโรจน์ จำต้องเสริมสร้างการศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ของฐานปฏิวัติ สรุปประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ และส่งเสริมเชิดชูจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติและท่วงทำนองอันยอดเยี่ยมให้ดียิ่งขึ้น

ปธน.สี จิ้นผิงเดินทางไปที่คณะกรรมการหมู่บ้านจ้าวจินในตำบลจ้าวจิน เพื่อรับฟังการรายงานแนะนำสภาพการพัฒนาและการวางแผนในท้องถิ่น เขาหวังว่าหน่วยพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาหมู่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านจะสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อบริหารจัดการภารกิจเกี่ยวกับชาวบ้านให้ดี

เรื่องราวความผูกพันดั่งน้ำกับปลาระหว่างทหารกับชาวบ้าน ได้ถูกกล่าวขานกันต่อมาจนถึงปัจจุบัน เถียน ฟาอี้ ชาวนาในตำบลจ้าวจินเป็นลูกชายของเถียน เต๋อฟา ซึ่งเป็นอดีตทหารกองทัพแดง เขาเล่าว่า "เมื่อคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่เคยบอกข้าพเจ้าว่า ปีโน้นดินเหลืองที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างป้อมปราการบนภูเขา ซ่อมแซมบังเกอร์ และสร้างกำแพง ล้วนแต่พึ่งพาชาวบ้านใจดีและมีความกระตือรือร้นที่ช่วยกันแบกบนบ่าและหลังมาส่งให้ ฝ่ายธุรการแห่งฐานปฏิวัติได้สร้างตลาดค้าขายสินค้าใต้ภูเขาโดยยึดหลัก 'การซื้อขายอย่างยุติธรรมและให้ชาวบ้านมีสิทธิ์ซื้อก่อน' ตราบใดที่ไม่มีการสู้รบ ที่นี่จะมีตลาดค้าขายสินค้าทุกวัน”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตำบลจ้าวจินได้ค้นหา “ทรัพยากรสีแดง” และเผยแพร่จิตวิญญาณสีแดงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา หอรำลึกจ้าวจินได้ตระเวนจัดนิทรรศการรวม 55 ครั้งใน 44 เมืองซึ่งรวมถึงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเมืองจุนอี้ในมณฑลกุ้ยโจวเป็นต้น

ในทีมสืบทอดมรดกมีกลุ่ม "ทหารแดงตัวน้อย" รวมอยู่ด้วย เกือบทุกสุดสัปดาห์นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมา ซ่ง เทียนยี่ วัย 11 ปี จะสวมเครื่องแบบทหารสีแดงสลับกันปรากฏตัวตามอนุสรณ์สถานการปฏิวัติในจ้าวจิน เช่น หอรำลึกจ้าวจินและสถานที่ปฏิวัติเซียเจียไจ้เก่า เป็นต้น เพื่อบรรยายแนะนำให้แก่นักท่องเที่ยวด้วยความสมัครใจ

เมื่อปี 2019 ด้วยกำลังใจจากคุณพ่อ ซ่ง เทียนยี่ ที่เดิมมีนิสัยขี้อายได้เข้าร่วมทีมบรรยายแนะนำแหล่งท่องเที่ยวสีแดง ทุกวันนี้เขาได้เติบโตจากนักเรียนประถมที่พูดไม่ค่อยเก่งมาเป็นผู้บรรยายที่คล่องแคล่วแล้ว

ซ่ง เจี้ยนปิน รองผู้อำนวยการหอรำลึกจ้าวจินกล่าวว่า “ในฐานะคนทำงานด้านประวัติศาสตร์ของพรรคระดับรากหญ้า คำแนะนำสำคัญของท่านเลขาธิการใหญ่เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เราต้องเล่าเรื่องราวสีแดงให้ดีเพื่อให้ยีนสีแดงได้สืบทอดต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น”