ปักกิ่ง, 30 ก.ค. (ซินหัว) ประธานธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชียหรือเอไอไอบี (AIIB) ระบุว่า การพัฒนาในอนาคตของเอไอไอบีจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาร่วมกัน สร้างนวัตกรรมอันแข็งแกร่ง สร้างแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด รวมถึงรักษาการเปิดกว้างและไม่แบ่งแยก
จิน ลี่ฉวิน ผู้ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นประธานของเอไอไอบีสมัยที่ 2 กล่าวขณะให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซินหัวว่า ธนาคารฯ จะยังคงยึดมั่นในหลักการด้านการให้คำปรึกษาอย่างครอบคลุม การมีส่วนร่วมและการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันควบคู่ไปกับการขยายตัวของธนาคารฯ ในอนาคต
แฟ้มภาพซินหัว : จินลี่ฉวิน ประธานธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชียหรือเอไอไอบี (AIIB) ขณะให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซินหัว ณ กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2020
เขาให้คำมั่นว่า เอไอไอบีจะกลายเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ส่งเสริมการพัฒนาสำหรับสมาชิกทุกคน และอำนวยความสะดวกในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ
จินได้รับเลือกเป็นประธานของเอไอไอบี ซึ่งมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี นับตั้งแต่สถาบันการเงินพหุภาคีที่ริเริ่มโดยจีนแห่งนี้เริ่มดำเนินงานเมื่อปี 2016 ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา จำนวนสมาชิกของเอไอไอบีเติบโตขึ้นจากแรกเริ่ม 57 รายสู่ 103 ราย
เขากล่าวว่า การเติบโตของธนาคารฯ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดว่าธนาคารนั้นเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ รวมถึงความน่าเชื่อถือของจีนในฐานะผู้ริเริ่มการก่อตั้งและผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด
จนถึงวันพุธ (29 ก.ค.) เอไอไอบีได้อนุมัติโครงการแล้วทั้งหมด 87 โครงการ ครอบคลุม 24 ประเทศ ด้วยเงินลงทุนรวม 1.96 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.15 แสนล้านบาท)
จินเสริมว่า เอไอไอบียังคงมีความร่วมมือแน่นแฟ้นกับธนาคารเพื่อการพัฒนาแบบพหุภาคีอีกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชีย และในปัจจุบัน เอไอไอบีสามารถจัดหาเงินกู้สกุลเงินท้องถิ่นจำนวน 13 สกุลเงินให้แก่ประเทศสมาชิก
แผนงานในอนาคตของเอไอไอบี คือให้สินเชื่อรายปีที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.14 แสนล้านบาท) ได้ภายในปี 2025 โดยร้อยละ 50 จะถูกใช้ในโครงการด้านการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และภายในปี 2030 เงินกู้ร้อยละ 25-30 จะถูกนำไปใช้กับโครงการเพื่อการเชื่อมต่อข้ามพรมแดน
เอไอไอบีจะให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และจะดำเนินงานเพื่อยกระดับการลงทุนของภาคเอกชนมากขึ้น
“ประตูของเอไอไอบีเปิดกว้างเสมอสำหรับประเทศที่ยอมรับและปฏิบัติตามกฎบัตรของเรา” จินกล่าวเสริมว่า เอไอไอบีได้มีการว่าจ้างเหล่าบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถจากประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก เช่นสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นเช่นกัน
“เอไอไอบีมีการร่วมมือกับสถาบันการเงินของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด” จินยกตัวอย่างด้วยธนาคารนิวยอร์คเมลลอน (Bank of New York Mellon) และโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
เพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด 19) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เอไอไอบีได้จัดตั้งกองทุนฉุกเฉินงบประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.14 แสนล้านบาท) ซึ่งต่อมาขยายเพิ่มเป็น 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.08 แสนล้านบาท)
เขายังชื่นชมผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ว่าเป็นที่ “น่าประทับใจ” จากมุมมองที่เป็นสากล เนื่องมาจากความพยายามในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มแข็งและทันท่วงทีของประเทศจีน
แม้เศรษฐกิจโลกจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนและความผันผวน แต่จีนจะยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังและผลประกอบการทางเศรษฐกิจที่ดีเอาไว้ได้ตลอดปีนี้ เขากล่าวทิ้งท้าย