วันที่ 18 มกราคม นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เสร็จสิ้นภารกิจการเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการ ในการเยือนสองวัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เข้าร่วมกิจกรรม 12 กิจกรรม ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามในเอกสารความร่วมมือ 29 ฉบับในหลากหลายสาขา ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน และมีการออกแถลงการณ์ร่วม เปิดยุคใหม่ให้กับมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างจีนกับเมียนมา
แถลงการณ์ดังกล่าว ได้สรุปผลของการเยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้จากความไว้วางใจซึ่งกันและกันทางการเมือง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ความร่วมมือระหว่างประเทศและภูมิภาค พร้อมวางแผนอย่างละเอียดเพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-เมียนมาในอนาคต
จีนและเมียนมาตกลงที่จะใช้โอกาสครบรอบ 70 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เพิ่มความหมายใหม่ของมิตรภาพแบบ “ฉันพี่น้อง” กระชับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างทั้งสองประเทศ สร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ส่งเสริมความสัมพันธ์จีน-เมียนมาสู่ยุคใหม่ ประการที่สอง การส่งเสริมการยกระดับข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” จะเป็นจุดเน้นของความร่วมมือในทางปฏิบัติระหว่างจีน-เมียนมา พร้อมกับการวางแผนโดยรวมและความก้าวหน้าของโครงการที่สำคัญจำนวนมากในอนาคต เส้นทางเศรษฐกิจจีน-เมียนมา จะเปลี่ยนจากแนวคิดไปสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศจะยังคงกระชับความร่วมมืออย่างจริงจังในด้านเศรษฐกิจและการค้า การเกษตรและป่าไม้ กำลังการผลิต การลงทุนและการเงิน ทั้งสองฝ่ายยังระบุว่า จะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ตกลงที่จะกำหนดปี 2020 เป็น "ปีแห่งการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมจีน-เมียนมา" จัดกิจกรรมมากกว่า 70 แห่งในด้านการศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและอื่นๆ
จากมุมมองที่กว้างขึ้น จีนและเมียนมาตกลงที่จะเสริมสร้างการประสานงาน ภายใต้กรอบกลไกพหุภาคี เช่น สหประชาชาติ จีน-อาเซียน แม่น้ำโขง-ล้านช้าง ฯลฯ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นระดับโลกที่จัดการกับความท้าทายของประเทศกำลังพัฒนา ดำเนินการเพื่อส่งเสริม “ห้าประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ” ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มของผู้นำรุ่นก่อนของสองประเทศ ในการเอื้อต่อการรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและการพัฒนาในภูมิภาคและระดับโลก
70 ปีที่ผ่านมา มิตรภาพระหว่างจีนกับเมียนมาได้ผ่านบททดสอบของกาลเวลา สะสมรากฐานที่มั่นคงของความร่วมมือ การเดินทางเยือนพม่าของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในครั้งนี้ เป็นความสำเร็จครั้งใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ จะส่งเสริมให้มีผลงานมากขึ้น สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศ ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคและระดับโลก