“ชาวจีนและชาวไทยมีวิธีการต่อคิวที่ไม่เหมือนกัน ที่ประเทศจีนเวลาจะต่อแถวทุกคนจะยืนเข้าแถวตามลำดับ แต่ที่ประเทศไทยเราสามารถเอารองเท้าวางต่อคิวไว้ แล้วเราเองก็ไปเล่นโทรศัพท์มือถืออีกฝั่งหนึ่ง” คุณหาน ปิง หนุ่มไทยคนหนึ่งที่ชื่นชอบการโพสต์คลิปวิดีโอที่ตนเองถ่ายและแชร์ใน TikTok โดยต้องการนำเสนอให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมและประเพณีจีนและไทย ด้วยรูปแบบที่สบาย ๆ และสนุกสนาน และช่วยส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกลุ่มวัยรุ่นของทั้งสองประเทศ
ปัจจุบัน คุณหาน ปิงซึ่งกำลังศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิชาการเมืองระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยหนานกิง ประเทศจีน เคยออกรายการ A Bright World ซึ่งเป็นรายการของสถานีโทรทัศน์มณฑลเจียงซู และด้วยความที่มีวาทศิลป์ดีเขาจึงได้รับความสนใจจากผู้ชมชาวจีน เมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้เขาได้เปิดบัญชี TikTok และเริ่มอัดคลิป ตอนนี้มีผู้ติดตาม 4 แสนคนแล้ว
เมื่อช่วงวันหยุดตรุษจีนปีนี้คุณหาน ปิงได้กลับไปบ้านที่ประเทศไทย และยังไม่สามารถกลับมามหาวิทยาลัยหนานกิงได้อีก เนื่องจากเกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เขาสังเกตได้ว่า TikTok ก็เป็นที่นิยมในประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดโรคระบาด ช่วงที่กักตัวทุกคนต่างก็พยายามหากิจกรรมสนุก ๆ ทำเพื่อบรรเทาความเครียดและแก้เซ็ง วัยรุ่นไทยจำนวนมากทยอยกันใช้โปรแกรมนี้อัดคลิปโชว์ความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง และบันทึกเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต
คุณหาน ปิงเล่าว่าวัยรุ่นไทยชื่นชอบ TikTok เพราะใช้งานง่าย เขาคิดว่าถ้าเทียบกับโปรแกรมอัดคลิปวิดีโอสั้นโปรแกรมอื่น ๆ แล้ว การใช้ TikTok ไม่จำเป็นต้องรู้วิธีการตัดต่อแบบมืออาชีพ ทุกคนสามารถใส่เอฟเฟครูปภาพและเสียงต่าง ๆ เข้าไปได้อย่างสบายง่ายดายและถ่ายคลิปได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าใครต่างก็เข้ามามีส่วนร่วมได้ “เท่าที่ผมรู้ตอนนี้ประเทศไทยมีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่สร้างอาชีพสร้างรายได้จากช่องทาง TikTok” คุณหาน ปิง กล่าว
นอกจาก TikTok แล้ว นวนิยายและละครออนไลน์ของจีนก็ได้รับความนิยมจากชาวไทยจำนวนไม่น้อย อย่างเช่นเมื่อปีที่แล้ว ละครออนไลน์เรื่องปรมาจารย์ลัทธิมารก็ฮิตในเมืองไทยด้วยเช่นกัน
คุณหาน ปิงเล่าว่าเพื่อน ๆ ชาวเน็ตจำนวนมากรู้สึกแปลกใจกับความแตกต่างทางวัฒนธรรม ประเพณีและการใช้ชีวิตของชาวไทยและชาวจีน “ในฐานะนักศึกษาไทยที่เรียนในประเทศจีน ผมจะอัดคลิปวิดีโอสั้นบอกเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันเรื่อย ๆ นะครับ และหวังว่าจะมีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่เข้ามาใช้แพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตเพื่อเพิ่มสีสันและชีวิตชีวาให้แก่การสื่อสารแลกเปลี่ยนระหว่างคนหนุ่มสาวของทั้งสองประเทศ”