เมื่อแม่น้ำนู่เจียงไหลเข้ามาในแคว้นปกครองตนเองชนชาติลีซอนู่เจียง มณฑลยูนนาน ก็จะไหลขนานไปกับแม่น้ำจินซาและแม่น้ำนู่เจียง เกิดเป็นทัศนียภาพสวยงามแปลกตาที่แม่น้ำสามสายไหลเคียงโดยไม่มาบรรจบกัน จึงได้รับการขนานนามว่า “แม่น้ำสามสายไหลเคียง” และ ณ ใจกลางของแม่น้ำสามสายที่ไหลเคียงกันนี้ มีที่ราบหุบเขาอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อของมันคือ ปิ่งจงลั่ว หรือที่เรียกขานกันโดยทั่วไปว่า “ดินแดนที่มนุษย์และเทพใช้ชีวิตร่วมกัน”
เมื่อแม่น้ำนู่เจียงไหลผ่านตำบลปิ่งจงลั่ว อำเภอปกครองตนเองชนชาติตู๋หลงและชนชาตินู่ก้งซาน มณฑลยูนนาน ภูมิประเทศแถบนี้จะทำให้แม่น้ำสายดังกล่าวไหลเป็นรูปตัวยู เกิดเป็นทัศนียภาพอันอลังการ ได้รับสมญาว่า “คุ้งน้ำอันดับหนึ่งแห่งนู่เจียง” หากเรามองจากที่สูง ก็จะมองเห็นปิ่งจงลั่วทอดตัวอย่างเงียบสงบในอ้อมกอดแห่งหุบเขานู่เจียง
ปิ่งจงลั่วเป็นแหล่งพำนักของชนชาติหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชนชาติธิเบต ฮั่น นู่ หรือลีซอ แม้ทุกคนจะพูดภาษาต่างกัน แต่กลับสนิทสนมกลมเกลียวราวกับพี่น้อง จิน กั๋วหง ชาวบ้านเผ่านู่ จากหมู่บ้านเจี่ยเซิงในปิ่งจงลั่วกล่าวว่า เขามีภรรยาเป็นคนเผ่าตู๋หลง ทั้งสองมีลูกสาวสามคน แต่ละคนแต่งงานกับชายหนุ่มต่างเผ่า ทั้งชาวธิเบต ฮั่นและลีซอ ครอบครัวที่ประกอบด้วยหลากหลายชาติพันธุ์นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับปิ่งจงลั่ว “คนทั้งหมู่บ้านเปรียบเหมือนครอบครัวเดียวกัน บ้านไหนต้องการความช่วยเหลือ ทุกคนก็พร้อมจะร่วมแรงร่วมใจ ไม่แบ่งแยกสายเลือด เผ่าพันธุ์หรือศาสนา” จิน กั๋วหงกล่าว
นอกจากความปรองดองของแต่ละชนเผ่าแล้ว ทุกคนในปิ่งจงลั่วยังมีอิสระในการนับถือศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธแบบธิเบตหรือคริสต์หลากหลายนิกาย ต่างหลอมรวมเป็นวัฒนธรรมเดียวกันที่นี่ จิน กั๋วหงพาพวกเราไปเยี่ยมชมวัดผู่ฮว่า ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายตันตระของธิเบตที่โด่งดังที่สุดในแคว้งปกครองตนเองฯ นู่เจียง โดยพระลามะเจียงเต๋อ เจ้าอาวาสบอกกับเราว่า “วัดผู่ฮว่าเป็นที่เคารพเลื่อมใสอย่างสูงในปิ่งจงลั่ว ชาวบ้านเผ่าต่างๆ ทั้งฮั่น นู่ และลีซอ ต่างเดินทางมาหมุนกงล้อมนตราและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันที่นี่”
ถัดจากวัดผู่ฮว่าเพียงหนึ่งซอยเป็นโบสถ์คริสต์ มองไกลๆ ได้ยินเสียงคนประกอบพิธีกรรม เมื่อเดินเข้าไปก็จะพบว่าตามผนังโบสถ์สลักตัวอักษรเผ่าลีซอ คนแถวนั้นอธิบายให้ฟังว่า ตัวอักษรเหล่านั้นจารึกชื่อและจำนวนเงินที่ศาสนิกชนผู้เลื่อมใสบริจาคให้แก่โบสถ์ ชายหนุ่มชาวลีซอที่เดินออกมาจากโบสถ์เล่าให้เราฟังว่า “พ่อของผมนับถือศาสนาพุทธนิกายตันตระส่วนผมกับน้องสาวพอเรียนชั้นมัธยม ก็เริ่มหันมาศรัทธาคริสตศาสนา ทุกครั้งเวลามีพิธี เราสองคนก็จะเล่าเรื่องกิจกรรมทางศาสนาที่โบสถ์ให้ที่บ้านฟัง”
หลายปีมานี้ นักท่องเทียวจำนวนมากเดินทางรอนแรมมาเยือนปิ่งจงลั่ว เพื่อสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งแดนสวรรค์ที่เปรียบดั่งแดนสุขาวดีของโลกมนุษย์ในจำนวนนั้นมีชาวต่างชาติด้วย การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวทำให้อวี๋ กุ้ยเซิง ชาวบ้านในท้องถิ่นเปิดเกสต์เฮ้าส์ชื่อ “โรงเตี๊ยมอาไป๋” ขึ้น คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยชาเนย แป้งนึ่งแผ่นกลม หมูผีผา และอาหารเลิศรสอื่นๆ จนเป็นที่นิยม และเพื่อเป็นการยกระดับการบริการ วี๋ กุ้ยเซิงจึงวาง “สมุดภาพสเกตช์อาไป๋” เอาไว้ในโรงเตี๊ยมนักท่องเที่ยวสามารถเขียนความประทับใจต่อการมาเยือนปิ่งจงลั่วลงไปในหน้ากระดาษด้วยภาษาต่างๆ “ปิ่งจงลั่วเป็นสถานที่เปิดกว้าง สามารถเปิดใจรับเผ่าพันธุ์ที่แตกต่าง ศาสนาที่หลากหลาย เรายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก” อวี๋ กุ้ยเซิงสรุป