ผมชื่อธีระพงษ์ หงษ์บุญญารักษ์ มีชื่อจีนว่าเหอ เจ้อเฉิง มาจากจังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันเป็นหัวหน้าสำนักงานผู้แทนธนาคารกสิกรไทย เมืองคุนหมิง ในปี 1995 ผมเคยทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานนครเซี่ยงไฮ้ เมืองเซินเจิ้นและฮ่องกง และในปี 2006 จนถึงปัจจุบัน ผมได้มาทำงานและประจำอยู่ที่เมืองคุนหมิง
ก่อนที่ผมจะมาทำงานที่ประเทศจีนนั้น ประเทศจีนในความคิดของผมคือ “ประเทศจีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์มหาอำนาจ” “มีประชากร 1,390 ล้านคนเศษ” “และเป็นประเทศที่ปิดตัวเอง” แต่หลังจากมาถึงประเทศจีนแล้วสิ่งที่ผมเห็นคือความเร็วของการพัฒนาและระดับการเปิดประเทศนั้นเหนือความคาดหมายของผมมาก
ในการปฏิรูปและเปิดประเทศทำให้ประเทศจีนมีการพัฒนาและมีความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ สามารถพูดได้ว่าผมเป็นประจักษ์พยานรับรู้สิ่งเหล่านี้ด้วยตาของผมเอง เช่น ตอนที่ผมเพิ่งมาถึงคุนหมิง คุนหมิงยังไม่มีรถไฟใต้ดินและรถไฟความเร็วสูง แต่ปัจจุบัน คุนหมิงไม่เพียงแต่เปิดใช้รถไฟใต้ดิน 4 สายแล้วเท่านั้น นอกจากนี้รถไฟความเร็วสูงยังเชื่อมต่อกับนอกมณฑลอีกด้วย เช่นนครปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ กวางตุ้งและเมืองอื่น ๆ อีกหลายเมือง ภายในมณฑลเชื่อมต่อกับเมืองต้าหลี่ เมืองอวี้ซี แคว้นปกครองตนเองชนชาติจ้วงและม้งเหวินซาน เป็นต้น ปัจจุบัน รถไฟความเร็วสูงในคุนหมิงสามารถแล่นได้ 1,000 กว่ากิโลเมตรภายในหนึ่งวัน รถไฟใต้ดินปรับปรุงระบบการขนส่งของเมืองรถจักรยานแบ่งปันสามารถพบเห็นได้ทุกที่ การออกเดินทางของผู้คนสะดวกและทันสมัยมากขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่าอะไรคือ “ความเร็วของประเทศจีน”
การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของคุนหมิง ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นจากความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองเท่านั้น แต่ยังเห็นได้จากการเปิดประเทศ ในความเห็นของผมแล้วคุนหมิงถือเป็นหน้าต่างที่เปิดไปสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และเป็นประตูการค้าไปสู่ประเทศเมียนมา ประเทศลาว ประเทศเวียดนาม ประเทศกัมพูชาและประเทศไทย สนามบินนานาชาติฉางสุ่ยเส้นทางหลวงคุนหมิง-กรุงเทพฯ และรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเปิดกว้างมากขึ้นของคุนหมิง ยกตัวอย่างเช่นทุเรียน เนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งและการปรับปรุงโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุเรียนไทยสามารถส่งมายังประเทศจีนได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ผมได้ทานทุเรียนสด ๆ จากบ้านเกิดของผมซึ่งห่างไกลจากคุนหมิงถึงพันกว่ากิโลเมตร
ที่คุนหมิงผมก็เริ่มใช้ Wechat และ Alipay การใช้ Wechat ทำให้ผมสามารถพูดคุยกับเพื่อน แชร์รูปภาพ ทำให้ผมและเพื่อนคนจีนรวมถึงเพื่อนร่วมงานมีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และด้วยฟังก์ชันการชำระเงินออนไลน์ของ Wechat และ Alipay ทำให้ผมไม่ต้องพกเงินสดเวลาไปไหนมาไหน ไม่ว่าจะเรียกรถ กินข้าว ช้อปปิ้ง หรืออ่านข่าวจองโรงแรมหรือซื้อตั๋วเครื่องบิน ใช้มือถือก็พอแล้วสะดวกสบายมาก วิถีชีวิตแบบนี้ก็เป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซของจีน ในประเทศจีนแอพพลิเคชันต่าง ๆ บนมือถือมีผลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนมากตราบใดที่คุณมีโทรศัพท์มือถือคุณก็สามารถเดินทางไปทั่วจีนได้
ในด้านการทำงาน ผมพบว่าคนจีนให้ความสำคัญกับการลงทุนและการจัดการทางการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะหนุ่มสาวยุคหลังปี 90 และยุคหลังปี 00 กลุ่มคนเหล่านี้มีความคิดที่แอคทีฟกล้าที่จะลองและกล้าที่จะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องในการค้าระหว่างประเทศ ในขณะที่วิสาหกิจจีนเข้ามาในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น เช่น บริษัทหัวเหวย และอาลีบาบา รวมถึงธนาคารกสิกรไทยก็มีปริมาณธุรกิจด้านการเงินและการลงทุนก็เพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย