เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 ก.พ.) สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า จีนยังคงรักษาตำแหน่งคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของเยอรมนีได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สามแล้ว โดยในปี 2018 ที่ผ่านมามีมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 1.99 แสนล้านยูโร (ประมาณ 7.03 ล้านล้านบาท)
จีนมีสัดส่วนการนำเข้ามากที่สุดในเยอรมนี โดยมีมูลค่าสินค้าทั้งหมดอยู่ที่ 1.06 แสนล้านยูโร (ประมาณ 3.73 ล้านล้านบาท) รองลงมาคือเนเธอร์แลนด์ 9.82 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 3.46 ล้านล้านบาท) และฝรั่งเศส 6.52 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท)
“การค้าระหว่างเยอรมนีกับจีนแทบเริ่มเข้าใกล้ความสมดุลมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ที่ทำให้เกิดการค้าที่ส่งผลประโยชน์ต่อกันและกัน” Reint Gropp ประธานสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ Halle (IWH) กล่าว การขาดดุลการค้าของเยอรมนีกับจีนมีมูลค่า 13 พันล้านยูโรในปี 2561
"การออกมาตรการภาษีและการคว่ำบาตรเพียงฝ่ายเดียวถือเป็นวิธีมุ่งหวังผลประโยชน์ร่วมกันจากการค้าระหว่างประเทศที่ผิด การผลักดันให้เกิดความเป็นธรรมในการค้าระหว่างประเทศสามารถทำได้ผ่านการเจรจาพหุภาคีภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก” Gropp กล่าว
ส่วนลูกค้าอันดับต้นๆ ที่สั่งซื้อสินค้าจากเยอรมนีมากที่สุดก็คือสหรัฐอเมริกาด้วยยอดสั่งซื้อมูลค่า 1.135 แสนล้านยูโร (ประมาณ 4 ล้านล้านบาท) ตามมาด้วยอันดับสองคือฝรั่งเศสที่ 1.05 แสนล้านยูโร (ประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท) และอันดับสามคือและจีนที่ 9.31 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 3.28 ล้านล้านบาท)
“แม้ว่าจีนจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางการส่งออกที่สำคัญที่สุดของเยอรมนี แต่ก็ติดอันดับหนึ่งในกลุ่มประเทศการนำเข้าที่มากที่สุดของเยอรมนี ซึ่งปัจจุบันจีนก็กำลังอำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มบริษัทเยอรมันในการเข้าถึงตลาดของจีน ในบางพื้นที่” Juergen Matthes หัวหน้าหน่วยวิจัยเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศและมุมมองทางเศรษฐกิจที่สถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี (IW) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวเช่นนี้