ปี 1984-2004 ชนบทจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เกษตรกรพากันไปทำงานในเมือง หรือทำธุรกิจส่วนตัว แต่หมู่บ้านเสี่ยวกั่งกลับย่ำอยู่กับที่ แม้ชีวิตดีขึ้น แต่รายได้เฉลี่ยต่อคนมีเพียง 2,300 หยวนเท่านั้น จึงต้องหาทางเพิ่มรายได้
ทำอย่างไรจึงจะพัฒนาจากมีกินมีใช้มาเป็นพอกินพอใช้และก้าวสู่ความมั่งคั่ง
ปี 2005 หมู่บ้านเสี่ยวกั่งเริ่มทดลองโอนสิทธิ์ใช้ที่ดินให้กับบริษัทการเกษตร โดยรวบรวมที่ดินของแต่ละครัวเรือน ให้บริษัทขนาดใหญ่เช่าไปทำการเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่
ในระหว่างการโอนสิทธิ์ใช้ที่ดิน สิทธิของเกษตรกรจะได้รับการคุ้มครองอย่างไร เป็นสิ่งที่พรรคฯ และรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก
ปี 2007 จีนประกาศใช้กฎหมายสิทธิครอบครองทรัพย์สิน
โดยกำหนดอย่างชัดเจนว่า สิทธิในการใช้ที่ดินของเกษตรกรถือเป็นสิทธิครอบครองทรัพย์สิน มณฑลอันฮุยเป็นมณฑลแรกของจีนที่ทดลองระบบใบยืนยันสิทธิรับเหมาที่ดิน เดือนกรกฎาคมปี 2008 นายกวน โหย่เจียง เกษตรกรของหมู่บ้านเสี่ยวกั่ง เป็นคนแรกในมณฑลอันฮุยที่ได้รับบัตรยืนยันสิทธิ์รับเหมาที่ดินในชนบท
ปัจจุบัน หมู่บ้านเสี่ยวกั่งมี 1,028 ครัวเรือน รวม 4,288 คน มีที่ดิน 14,500 หมู่ ได้โอนไปแล้วเกือบ 9,000 หมู่ คิดเป็น 61% ของที่ดินเพาะปลูกทั้งหมด
ปี 2016 สมัชชาใหญ่ผู้แทนสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ประกาศว่า เมื่อครบระยะเวลา 30 ปีของการรับเหมาที่ดินรอบนี้แล้ว จะต่ออีก 30 ปี จึงสร้างความมั่นใจและความสบายใจให้กับบรรดาเกษตรกร
ในปีเดียวกัน หมู่บ้านเสี่ยวกั่งจัดตั้งสหกรณ์โดยทุกคนในหมู่บ้านซื้อหุ้นสหกรณ์ ก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นทรัพย์สินส่วนรวม มีทั้งหมด 3 ล้านหุ้น และได้แบ่งผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนเป็นครั้งแรกเมื่อต้นปี 2018
เหยียน หงชางเล่าให้ฟังว่า ตอนพิมพ์ลายนิ้วมือบนสัญญาแบ่งที่ดินนั้น ต้องแอบๆ ซ่อนๆ ปี 2015 หลังจากได้บัตรยืนยันสิทธิการใช้ที่ดินแล้ว จึงรู้สึกวางใจได้ ตอนนี้มีบัตรผู้ถือหุ้นอีก ทั้งนี้แสดงว่ารัฐได้ปฏิรูประบบการบริหารชนบทในรูปแบบใหม่เรื่อยๆ
การเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยวกั่ง ไม่ใช่มีเพียงที่ดิน รายได้ บ้านอยู่อาศัยเท่านั้น คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่ทำนาแล้ว บางคนสอบเข้ามหาวิทยาลัย บางคนไปทำงานในเมือง บางคนทำธุรกิจส่วนตัว บางคนเปิดร้านขายสินค้าเกษตรออนไลน์ และบางคนกลายเป็นผู้บริหารหมู่บ้าน
ปี 1978 รายได้เฉลี่ยต่อคนของหมู่บ้านเสี่ยวกั่งเป็นเพียง 22 หยวน ปี 2017 เป็น 18,106 หยวน เพิ่มขึ้น 823 เท่า ชาวนา 18 คนที่แอบเซ็นสัญญาแบ่งที่ดินเมื่อ 40 ปีก่อน เสียชีวิตไปแล้วหลายคน คนที่เหลือต่างโอนที่ดินของตัวเองให้กับบริษัทการเกษตร และเปิดร้านอาหารหรือร้านขายของในหมู่บ้าน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ
40 ปีของหมู่บ้านเสี่ยวกั่ง เป็นต้นแบบของการปฏิรูปชนบทจีน โดยในระหว่างดำเนินการปฏิรูปชนบท สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างเกษตรกรกับที่ดินให้ดี ความเจริญมั่งคั่งของชนบท ถึงจะเป็นความเจริญมั่งคั่งที่แท้จริงของประเทศจีน การปฏิรูปและเปิดประเทศ คือสิ่งที่นำไปสู่ความเจริญของประเทศ