ช่วงเวลานี้ได้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว การประชุมฟอรั่มโป๋อ๋าว ประจำปี 2018 ใกล้จะเริ่มขึ้น มณฑลไห่หนาน เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใหญ่ที่สุด และเป็นเหมือนหน้าต่างแห่งการปฏิรูปเปิดประเทศของจีนได้ดึงดูดสายตาจากทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เคยให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นกับทั่วโลกว่า จีนจะยึดมั่นในนโยบายการปฏิรูป และ เปิดประเทศอย่างไม่หวั่นไหว ในวันที่ 10 เมษายน ที่จะถึงนี้ นายสี จิ้นผิง จะเดินทางไปที่โป๋อ๋าว มณฑลไห่หนาน เพื่อบรรยายสรุปแผนการปฏิรูป และ เปิดประเทศล่าสุดของจีน
“คำถาม และ คำตอบ ที่โป๋อ๋าว”
เมื่อปี 2013 ผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจทั้งจีน และ ต่างประเทศ 32 คน ที่เข้าร่วมการประชุมฟอรั่มโป๋อ๋าวได้รับเกียรติจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงให้เข้าพบเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยน
นายอับดุลละห์ ประธานบริษัท เป๊ปซี่-โคล่าของสหรัฐฯ กล่าวว่า หวังว่ารัฐบาลจีนจะเพิ่มการเปิดประเทศมากขึ้น ผลักดันการปฏิรูประบบการตรวจสอบอนุมัติธุรกิจเข้าตลาด สนับสนุนนักธุรกิจต่างชาติเพื่อเพิ่มการลงทุนด้านเกษตรกรรม และ เศรษฐกิจสีเขียว
ด้านนายฟอร์เรสต์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ฟอร์เทสคิว เมทัล กรุ๊ป (Fortescue Metals Group) บริษัทเหมืองแร่ของออสเตรเลีย กล่าวว่า จากธุรกิจส่งออกแร่เหล็กธรรมชาติมายังจีน ทำให้บริษัทฯ พัฒนาเป็นบริษัทเหมืองแร่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่งในโลก บริษัทฯ เองจึงตัดสินใจเพิ่มการลงทุนในจีนต่อไป และจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมจีนมากขึ้น
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ขอเสนอให้จีนเพิ่มความต้องการภายในประเทศมากขึ้น เพื่อให้เกษตรกรรม และ ธุรกิจภาคบริการมีความเจริญมากขึ้น และมีองค์กรที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับเกษตรกร เกษตรกรรม และชนบทมากขึ้น
ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตอบรับด้วยความมั่นใจว่า จีนจะไม่ปิดประตูที่เปิดอยู่แล้วอย่างแน่นอน
เราได้กำหนดสองเป้าหมายการบากบั่นต่อสู้ 100 ปี เพื่อให้ความฝันของจีนที่จะรื้อฟื้นความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีนนั้น ปรากฏเป็นจริงขึ้น การบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ย่อมจะอัดฉีดพลังชีวิตใหม่ และ พลังขับเคลื่อนใหม่แก่เศรษฐกิจจีนอย่างต่อเนื่อง จากความพยายามของพวกเรา อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจจะคงไว้ในระดับที่ค่อนข้างสูงต่อไปอย่างแน่นอน
ธุรกิจที่จดทะเบียนในจีนล้วนเป็นส่วนประกอบสำคัญของเศรษฐกิจจีน นโยบายใช้ทุนต่างชาติให้เป็นประโยชน์ของเราจะไม่เปลี่ยนแปลง เราจะคุ้มครองสิทธิ และ ประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของธุรกิจทุนต่างชาติตามระบบกฎหมาย
จีนจะยกระดับเศรษฐกิจให้สูงขึ้นด้วยการเปิดเสรีให้มากขึ้น กว้างขึ้น และ ลงลึกยิ่งขึ้น จีนคัดค้านแนวคิดการกีดกันทางการค้าทุกรูปแบบ ยินดีแก้ไขข้อพิพาททางเศรษฐกิจ และ การค้ากับประเทศที่เกี่ยวข้องด้วยการหารืออย่างเหมาะสม เดินหน้าสร้างระบบเศรษฐกิจ และการค้าพหุภาคีที่สมดุล ได้ประโยชน์ร่วมกัน และ มุ่งการพัฒนา
“หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” สร้างบทบาทใหม่แห่งความเจริญรุ่งเรืองของจีนและโลก
ที่สอดรับกับ “การถามตอบโป๋อ๋าว” ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เนื่องในโอกาสการเยือนประเทศเอเชียกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายสี จิ้นผิงได้เสนอข้อริเริ่ม “แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม” และ “เส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21” ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือกับประเทศรายทาง ตามลำดับ จากนั้น " หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” จึงกลายเป็นโครงการใหม่ที่ระหว่างจีนกับโลกที่ร่วมหารือ ร่วมดำเนินการ และร่วมแบ่งปัน
นายสี จิ้นผิง เคยระบุถึงความตั้งใจ และ สาเหตุในการเสนอข้อริเริ่มดังกล่าวว่า “มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันโอกาสการพัฒนาของจีน กับ ประเทศรายทาง เพื่อความเจริญรุ่งเรืองด้วยกัน”
ด้านผู้เชี่ยวชาญเห็นด้วยว่า “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” เป็นโครงการใหม่เพื่อส่งเสริมการเปิดเสรี และความร่วมมือทางเศรษฐกิจโลกที่จีนเสนอ
การเปิดเสรีของจีน ไม่ใช่การจะสร้างอุทยานของจีนเอง แต่จะเป็นการสร้างสวนบุปผาชาตินานาพันธุ์ ที่ทุกประเทศเข้าถึงกันได้ ช่วง 5 ปีนี้ จีนปันผลกำไรแห่งการพัฒนา ดำเนินความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันกับโลกด้วยปฏิบัติการที่เป็นจริง มีการร่วมลงนามความตกลงกับกว่า 40 ประเทศ และ องค์การระหว่างประเทศ ดำเนินโครงการกำลังการผลิตตามกลไกกับกว่า 30 ประเทศ ลงทุนในประเทศรายทางกว่า 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (เอไอไอบี) ให้เงินกู้จำนวน 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่ประเทศที่มีส่วนร่วมใน “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ขณะที่ “กองทุนเส้นทางสายไหม” ให้เงินทุน 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ นักธุรกิจจีนได้ดำเนินโครงการเขตความร่วมมือเศรษฐกิจ และการค้า 56 โครงการในกว่า 20 ประเทศ สร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีเกือบ 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ ตำแหน่งงาน 180,000 ตำแหน่ง แก่ประเทศที่เกี่ยวข้อง
เขตทดลองการค้าเสรี: จีนขยายการเปิดประเทศ
นครเซี่ยงไฮ้ เป็นจุดเริ่มต้นของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเป็นเมืองที่เปิดสู่ภายนอกรุ่นแรกของจีน เมื่อปี 2013 นครเซี่ยงไฮ้ได้ประกาศเป็นเขตทดลองการค้าเสรีอย่างเป็นทางการ
สองปีต่อมา มณฑลกวางตุ้ง นครเทียนสิน และมณฑลฮกเกี้ยน ได้ประกาศเขตทดลองการค้าเสรี จนมาในปี 2017 มณฑลเหลียวหนิง เจ้อเจียง เหอหนาน หูเป่ย เสฉวน ส่านซี และ นครฉงชิ่ง ได้ประกาศเขตทดลองการค้าเสรีอย่างเป็นทางการ เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่แบบ “1+3+7”
จีนมีการตั้งเมืองเซินเจิ้น เซี่ยเหมิน จูไห่ และ ซัวเถาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ นับเป็นจุดเริ่มต้นการผลักดันบางพื้นที่ของประเทศสู่การเปิดสู่ภายนอก ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา เขตทดลองการค้าเสรีระดับชาติ 11 แห่งกลายเป็นเวทีสำคัญของจีนในการดำเนินการปฏิรูป เปิดประเทศไปสู่ภายนอก และ เข้าสู่กระบวนการโลกาภิวัตน์
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า การสร้างเขตทดลองการค้าเสรี เป็นมาตรการสำคัญที่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเสนอออกมาเพื่อผลักดันการปฏิรูป และเปิดประเทศไปสู่ภายนอกภายใต้บทบาทใหม่
ในช่วงห้าปีมานี้ เขตการค้าเสรี 3 รุ่นดังกล่าวต่างมีบทบาท และ จุดเด่น นครเซี่ยงไฮ้ได้ดำเนินการปฏิรูปการลงทุน การค้า และการเงินอย่างลึกซึ้ง ค้นหารูปแบบการบริการที่เลียนแบบ และ เผยแพร่ไปได้กว่า 100 รายการ เช่น ระบบบริหารทุนต่างชาติที่มีบัญชีรายชื่อต้องห้าม และ การอำนวยความสะดวกในด้านการค้าศุลกากร ส่วนเขตการค้าเสรีที่ประกาศขึ้นใหม่ เช่นที่ มณฑลเหลียวหนิง และเจ้อเจียง ได้เปลี่ยนรูปแบบจากการต่อสู้ด้วยตนเองกลายเป็น “ร่วมสนาม” เร่งการผลักดันการปฏิรูประบบ และ ปรับบรรยากาศการประกอบธุรกิจให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก
การปฏิรูป และเปิดประเทศ : ความลับที่เปิดเผยที่ทำให้จีนบรรลุการพัฒนาที่ดียิ่ง
เมื่อเดือนธันวาคม ปี 1978 การประชุมเต็มคณะพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 3 ผ่านมติที่จะดำเนินนโยบายการปฏิรูป และ เปิดประเทศ โดยตกลงจะเปิดประตูประเทศของจีน ซึ่งมีประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรมอันยาวนานกว่า 5,000 ปีสู่ทั่วโลก
ในเดือนตุลาคม ปี 2013 การประชุมเต็มคณะพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ครั้งที่ 3 ตกลงจะเสริมการปฏิรูปอย่างรอบด้าน ในช่วงกว่า 1,000 วันที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ได้จัดการประชุมกลุ่มผู้นำกลางเกี่ยวกับการเสริมการปฏิรูป 39 ครั้ง โดยออกมาตรการกว่า 1,500 เรื่อง เพื่อเสริมการปฏิรูปในด้านต่างๆ รวมทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคม สภาพแวดล้อม และ การสร้างสรรค์พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งนับเป็นผลงานทางประวัติศาสตร์จำนวนมาก
เดือนมีนาคม ปี 2018 มีการปรับกลุ่มผู้นำกลาง เสริมการปฏิรูปของจีนให้เป็นคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่กระแสโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และการแข่งขันทางด้านศักยภาพโดยรวมของประเทศต่างมีความรุนแรงยิ่งขึ้น นายสี จิ้นผิง เคยกล่าวขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์รัสเซียว่า การที่จีนหวังจะแสวงการพัฒนาที่ดียิ่งโดยถือโอกาสปัจจุบัน ยังต้องอาศัยการปฏิรูป และ การเปิดประเทศ
นายสี จิ้นผิง เห็นว่า ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ไม่เคยมีประเทศใดที่มีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน ประสบความสำเร็จในการสร้างความทันสมัยในกับสังคมเป็นผลสำเร็จ การพัฒนาของจีนย่อมจะเดินอยู่บนหนทางของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร ฉะนั้นจึงต้องเสริมการปฏิรูป และ เปิดกว้างออกสู่ภายนอกอย่างต่อเนื่อง และคืบหน้าต่อไปเพื่อผลสำเร็จ
วสันตฤดูวนมาเยือน โป๋อ้าว อีกครั้งหนึ่ง ในฐานะเจ้าภาพที่เปิดหน้าใหม่ของกิจการทางการทูตของจีนในปี 2018 เมืองโป๋อ๋าว ซึ่งมีทัศนียภาพอันสวยงาม กำลังรอคอยที่จะแสดงพลังของจีนยุคใหม่ไปสู่ชาวโลก