เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตามแถลงข่าวของสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครคุนหมิง งานเทศกาลไทยเมืองคุนหมิง ประจำปี 2018 ได้จัดติดต่อกันมา 10 ปีแล้วตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 พค. มีวิสาหกิจไทย 65 วิสาหกิจเข้าร่วมงาน บูธแสดงสินค้าถึง 72 บูธ
ในวันแถลงข่าว นายวิชชเยนทร์ สุรพลพิเชฎฐ์ รักษาการแทนกงสุลใหญ่สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครคุนหมิงกล่าวว่า สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครคุนหมิงจัดงานเทศกาลไทยที่เมืองคุนหมิง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างไทย-ยูนนาน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจและการค้า การท่องเที่ยว วัฒนธรรม ฯลฯ กิจกรรมนี้ได้ยืนหยัดจัดงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา10 ปี ได้ดึงดูดประชาชนชาวยูนนานและนักธุรกิจให้เข้ามาร่วมงานมากขึ้น
งานเทศกาลไทยครั้งนี้ มีธีมหลักคือ “ครบรอบสิบปีไฮไลท์สี่ภาค” โดยจะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประเพณีพื้นบ้านที่มีสีสันของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย จุดเด่น การท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์
การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีความหลากหลายและมีสีสันประกอบไปด้วยร้านค้าต่างๆ เช่น อาหารเลิศรส เครื่องเพชรพลอย เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์เด็กทารกและผู้สูงอายุ การแสดงรำไทย การแกะสลักผลไม้และผักกิจกรรมการเล่นเกมส์ชนิดต่างๆ ให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสนุก
“หากเปรียบเทียบกับการจัดงานครั้งที่ผ่านๆ มา ปีนี้จะมีความพิเศษตรงที่ เราได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับการสาธิตและทดลองใช้บริการนวดแผนไทยโบราณฟรี เพื่อให้ชาวคุนหมิงได้มีโอกาสสัมผัสกับเสน่ห์ของการนวดแผนไทย” นายวิชชเยนทร์ สุรพลพิเชฎฐ์ยังกล่าวอีกว่า วัฒนธรรมไทยมีความหลากหลายเต็มไปด้วยความงดงาม นอกจากสถานที่ที่คนทั่วไปรู้จักกันเป็นอย่างดี เช่นกรุงเทพฯ เชียงใหม่แล้ว ยังมีสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย ที่มีความงดงามทั้งทางด้านทิวทัศน์และมีวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งละเอียดละอ่อนอีกด้วย ปัจจุบัน จีนยังไม่มีสายการบินบินตรงไปยังเมืองต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ผมหวังว่าจากการจัดงานครั้งนี้ จะช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนจีนหันมาให้ความสนใจสถานนี้เหล่านี้ และยังเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความร่วมมือทั้งด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยวของทั้งฝ่ายอีกด้วย”
นายวิชชเยนทร์ สุรพลพิเชฎฐ์กล่าวเสริมว่า จากปีที่ผ่านมาตัวเลขด้านการค้าระหว่างไทย-ยูนนานอยู่ในเกณฑ์ดีมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดงานเทศกาลไทยที่เมืองคุนหมิงจะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างไทย-ยูนนานให้ได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกัน