การแพทย์แผนจีนและยาจีนเป็นมรดกล้ำค่าในวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม การแพทย์แผนจีนและยาจีนได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกมากขึ้นทุกวัน คุณฝู เช่อฟู่ หนุ่มชาวไทย ที่เกิดในยุค 90 ผู้ซึ่งหลงไหลในวิชาการแพทย์แผนจีน คุณฝู ต้องใช้ความมานะบากมั่นอย่างมากในการศึกษาเรียนรู้แพทย์แผนจีน เขาทดลองกินสมุนไพรนานาชนิดด้วยตัวเอง หรือแม้กระทั่งฝังเข็มให้ตัวเอง วันนี้ณีจะพาคุณไปรู้จักกับชีวิตนักเรียนแพทย์แผนจีนของเขา ตามณีไปชมกันเถอะ
คุณปู่และบิดาของฝูเช่อฟู่เป็นแพทย์แผนจีนในกรุงเทพมหานคร ในสมัยเด็กๆ ฝู เช่อฟู่มักจะติดตามบิดาไปรักษาคนไข้นอกสถานที่บ่อยๆ “คุณพ่อของผมเพียงใช้มือจับชีพจรของคนไข้ ก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นโรคอะไร เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากสำหรับผม” เรื่องราวที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้ สร้างความประหลาดใจและวนเวียนอยู่ในจิตใจของเขาตลอดมา และเป็นจุดที่ทำให้เขาสนใจวิชาการแพทย์แผนจีน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและต้องการค้นหาความจริงเกี่ยวกับแแพทย์แผนจีน ทำให้คุณฝู่เข้าศึกษาต่อวิชาการแพทย์แผนจีนในมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในระหว่างการเรียนของเขา แม้ว่าจะเขาจะตั้งใจและมีความขยันหมั่นเพียรเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ายังไงก็ควรไปเรียนที่ประเทศจีน เนื่องจากยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้ในเมืองไทย
ในเดือนกันยายน ปี 2016 คุณฝู เช่อฟู่สอบเข้าปริญญาโทของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนและยาจีนฉางชุนได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นการเรียนของเขา เมืองฉางชุนกับกรุงเทพมหานคร นอกจากห่างไกลกันด้วยระยะทางแล้ว ภูมิอากาศก็ยังแตกต่างกันมากอีกด้วย บางครั้งทำให้เขาอดคิดถึงบ้านไม่ได้ แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการเรียนของเขา เขามีความเพียรพยายามในการเรียนมากใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาจีนในการจดโน๊ตต่างๆ ขณะที่ฝึกฝังเข็มเขาก็จะใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองในการฝังเข็ม นอกจากนี้เขายังได้คลุกคลีกับอาจายร์อยู่เสมอๆ เพื่อหัดเรียนรู้วิเคาระห์และศึกษากรณีต่างๆ ของโรค ทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับโรคที่แปลกประหลาด เขาก็จะใช้สมุดโน๊ตที่พกติดตัวอยู่ตลอด บันทึกวิธีการรักษาอย่างละเอียด
ด้วยความมุมานะในการเรียนอย่างหนัก ทำให้เขาสามารถเก็บเกี่ยววิชาด้้านการแพทย์แผนจีนไปได้อย่างสมบูรณ์ “บางครั้งที่คุณพ่อของผมไม่สบาย ท่านก็จะบอกให้ผมช่วยเขียนใบสั่งยาให้ หลักจากที่คุณพ่อกินยาตามที่ผมสั่งแล้วร่างกายของท่านก็ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้คุณพ่อเข้าใจถึงความสำเร็จในการเรียนที่ประเทศจีนของผม และมีความมั่นใจในตัวผมมากขึ้น” และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอีกเรื่องก็คือแฟนของเขาก็ให้การสนับสนุนในสิ่งที่เขาเลือกเช่นกัน ปัจจุบัน ทั้งเขาและแฟนได้ตัดสินใจกันว่าเมื่อเรียนจบแล้ว จะกลับไปเปิดคลีนิคแพทย์แผนจีนที่เมืองไทย เขาอยากให้คนทั่วไปได้รับประโยชน์และรู้จักแพทย์แผนจีนมากขึ้น