กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า ในช่วงสิบเดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนในประเทศจีนได้เข้าไปลงทุนโดยตรงซึ่งไม่ใช่สถาบันการเงิน ในบริษัทต่างชาติ 4,905 แห่งจาก 155 ประเทศและภูมิภาค รวมเป็นยอดลงทุนมูลค่า 89,570 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,955,800 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 3.8% จากระยะเดียวกันของปีที่แล้ว
โดยธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในต่างประเทศหลัก ๆ คือธุรกิจเช่าซื้อและธุรกิจบริการ อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมค้าส่งและค้าปลีก คิดเป็น 32.6% 17% 9.4% และ 9.2% ตามลำดับ ส่วนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมด้านการกีฬาและบันเทิงยังไม่มีการลงทุนในต่างประเทศโครงการใหม่ นอกจากนี้มีการลงนามในสัญญาโครงการใหญ่ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงเดือนม.ค. ถึง ต.ค.ปีนี้ มีการลงนามในสัญญาโครงการใหญ่ใหม่ซึ่งมียอดเงินทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,650 ล้านบาท) ขึ้นไป 573 โครงการ รวมมูลค่า 142,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (4,712,400 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 84.9% จากระยะเดียวกันของปีที่แล้ว โครงการสัญญาในต่างประเทศสร้างการส่งออกสินค้าคิดเป็นมูลค่า 14,340 ล้านเหรียญสหรัฐ (473,220 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 15.9% จากระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ความร่วมมือด้านแรงงานในต่างประเทศได้ส่งคนงานด้านต่างๆ ออกนอก 392,000 คน ในช่วงปลายเดือนต.ค. มีคนงานด้านต่าง ๆ ในต่างประเทศ 993,000 คน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2017 19,000 คน
ข้อมูลแสดงว่าบริษัทจีนได้ลงทุนเพิ่มขึ้นในประเทศตามแนว “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” รวมมูลค่า 11,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (392,700 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน 6.4% มีการลงนามในสัญญาโครงการในต่างประเทศใหม่ในประเทศตามแนว “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” รวมมูลค่า 80,910 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,670,000 ล้านบาท) คิดเป็น 48.1% ของยอดรวมในระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดการดำเนินงานที่เสร็จสมบูรณ์ 65,330 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,155,900 ล้านบาท) คิดเป็น 53.7% ของยอดรวมในระยะเดียวกันของปีที่แล้ว