วานนี้ (24 มิ.ย.) แถลงการณ์ออนไลน์ของธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุว่าจีนจะลดปริมาณเงินสดที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งใช้เป็นสินทรัพย์สภาพคล่อง (RRR) ลงร้อยละ 0.5 โดยจะปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. นี้เป็นต้นไป
อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องที่กำหนดสำหรับธนาคารบางแห่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 16 สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ ส่วนธนาคารที่มีขนาดเล็กลงมาจะอยู่ที่ร้อยละ 14 ซึ่งเป็นครั้งที่สามของปีแล้วที่ธนาคารกลางจีนได้ใช้มาตรการในลักษณะนี้ โดยจะฉีดสภาพคล่องประมาณ 7 แสนล้านหยวนหรือมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงิน
ธนาคารกลางจีนกล่าวว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนมาตรการแปลงหนี้เป็นหลักทรัพย์ (debt-to-equity swap) ที่จีนผลักดันมาตั้งแต่ปี 2016 เพื่อลดภาระของบริษัทที่กู้เงินมากเกินและเพื่อเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจขนาดเล็ก
อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องที่กำหนดนี้จะฉีดสภาพคล่องราว 5 แสนล้านหยวน (7.7 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของรัฐจำนวนห้าแห่ง และธนาคารพาณิชย์ที่รัฐมีหุ้น 12 แห่ง ผู้ปล่อยกู้จะถูกกระตุ้นให้ใช้เงินในโครงการแปลงหนี้เป็นหลักทรัพย์ ส่วนเงินเงินประมาณ 2 แสนล้านหยวนจะถูกอัดให้กับธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กเพื่อเพิ่มการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดเล็กมีสินเชื่อติดลบ
นายเฉิน เจียเหอ นักยุทธศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์ Cinda Securities กล่าวว่า กระบวนการผ่อนชำระหนี้ของประเทศจีนทำให้เกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องในตลาด และบางบริษัทเริ่มผิดนัดชำระหนี้ ดังนั้นมาตรการนี้ของธนาคารกลางเป็นไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงิน