เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้เดินทางเยือนนครเวียงจันทน์ ประเทศลาวซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่ผู้นำจีนจะเดินทางเยือน และนับเป็นการเยือนลาวของผู้นำจีนในรอบ 11 ปี โดยจีนและลาวได้ตกลงที่จะสร้างชุมชนที่มีอนาคตที่มีความสัมพันธ์ในเชิงกลยุทธ์ร่วมกัน
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้พบปะหับพันเอกบุนยัง วอละจิด เลขาธิการพรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศลาวคนปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายล้วนมองเห็นความสำคัญของการแลกเปลี่ยนความร่วมมือ การเรียนรู้ร่วมกันและการผลักดันการปฏิรูปของทั้งสองประเทศ
ผู้นำทั้งสองประเทศกล่าว่าทั้งคู่จะยังคงยึดมั่นในมิตรภาพอันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านและคู่ค้า รักษามิตรภาพแบบดั้งเดิมของจีน-ลาวให้เหนียวแน่น และมุ่งมั่นที่จะยกระดับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ยาวนานและมั่นคงให้ก้าวไปสู่ระดับใหม่
สีกล่าวยกย่องลาวว่าเป็นประเทศที่ยึดเส้นทางสังคมนิยมอันมีอัตลักษณ์เฉพาะตน และชื่นชมความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของประเทศลาวในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าลาวจะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิมในการปฏิรูปประเทศอย่างรอบด้าน ภายใต้การบริการของพรรคประชาชนปฏิวัติลาวที่มีพันเอกบุนยัง วอละจิด เป็นผู้นำ
ในขณะที่พันเอกบุนยัง กล่าวชื่นชมลัทธิสังคมนิยมของจีนในยุคใหม่ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตน และแสดงความเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของคณะกรรมการกลางของ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนที่มีประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเป็นผู้นำ จีนจะสามารถทำเป้าหมายในอนาคตอีก 200 ปีข้างหน้าได้อย่างราบรื่น
สีจิ้นผิงกล่าวว่า ประเทศจีนและประเทศลาวเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมซึ่งมิตรภาพอันดีของทั้งคู่ก็ผ่านการทดสอบด้วยเวลาอันยาวนานนับตั้งแต่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 56 ปีก่อน พร้อมเสริมว่าทั้งสองฝ่ายได้ให้ความไว้วางใจทางการเมืองซึ่งกันและกันตลอดจนขยายความร่วมมือในเชิงปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ทั้งคู่ยังเห็นพ้องกันว่าการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นรวมถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีของทั้งคู่ก็ลึกซึ้งมากขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลให้ประชาชนของทั้งจีนและลาวได้รับประโยชน์อย่างมาก
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวว่า “จีนพร้อมเสมอที่จะร่วมมือกับลาวในการเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือในเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม เพื่อส่งเสริมความไว้วางใจและการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ตลอดจนผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย "
ในขณะที่ฝั่งผู้นำลาวกล่าวว่าลาวจะผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี และสนับสนุนจีนให้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความมั่นคงและความมั่งคั่งในระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค